บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
1635303 บริการสารสนเทศเพื่อธุรกิจและอุตสาหกรรม
Information Service for Business and Industry
(3-0)
ภาคต้น ปีการศึกษา 2549

ผู้สอน : รศ. จุมพจน์ วนิชกุล
ผู้อำนวยการสำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี

chumpot@hotmail.com

ตัวอย่างผู้ให้บริการธุรกิจสาธารณูปการ (ต่อ)

การสื่อสารแห่งประเทศไทย

การสื่อสารแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการและนำมาซึ่งความเจริญของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน และดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม และธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่องใกล้เคียงกัน หรือซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม ทั้งนี้เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของนิติบุคคลอื่นโดยเฉพาะ

การสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดแบ่งส่วนงานออกเป็นดังนี้

    1. หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อผู้ว่าการ
    2. หน่วยงานด้านบริหาร
    3. หน่วยงานด้านเศรษฐกิจและการตลาด
    4. หน่วยงานด้านโทรคมนาคม
    5. หน่วยงานด้านไปรษณีย์

ประเภทของที่ทำการ

    1. ที่ทำการในความควบคุมและบังคับบัญชาของการสื่อสารแห่งประเทศไทย แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ดังนี้
      1.1 ศูนย์ไปรษณีย์ (MAIL CENTRE) คือ ที่ทำการซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางในการคัดแยกและส่งต่อสิ่งของส่งทางไปรษณีย์
      1.2 ศูนย์รับฝากไปรษณีย์จำนวนมาก (BULK POSTING CENTRE) คือ ที่ทำการซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการรับฝากสิ่งของส่งทางไปรษณีย์จากผู้ใช้บริการรายใหญ่ซึ่งมีปริมาณการฝากส่งคราวละมาก ๆ รวมทั้งการให้บริการด้านลูกค้าสัมพันธ์แก่ผู้ใช้บริการรายใหญ่ด้วย
      1.3 ที่ทำการไปรษณีย์ (POST OFFICE) คือ ที่ทำการซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยจัดตั้งขึ้นเพื่อให้บริการไปรษณีย์ บริการการเงินและบริการโทรคมนาคมบางประเภท
      1.4 ที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตเอกชน (PRIVATE LICENSED POST OFFICE) คือ ที่ทำการซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้บุคคลภายนอกซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนในการให้บริการไปรษณีย์ บริการการเงิน (เฉพาะที่ทำการไปรษณีย์อนุญาตเอกชนบางแห่ง) และบริการโทรคมนาคมบางประเภท โดยอยู่ในความควบคุมดูแลของการสื่อสารแห่งประเทศไทย
      1.5 ร้านจำหน่ายตราไปรษณียากร (POSTAGE STAMPS AGENCY) คือ ที่ทำการซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยอนุญาตให้บุคคลภายนอกซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนในการจำหน่ายตราไปรษณียากร

การสื่อสารแห่งประเทศไทยและหน้าที่ความรับผิดชอบ

กิจการไปรษณีย์โทรเลขแต่เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของกรมไปรษณีย์โทรเลขซึ่งดำเนินงานด้านนี้มาตั้งแต่ วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ต่อมาเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2520 ได้มีการแยกกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคมด้านปฎิบัติการออกจากกรมไปรษณีย์โทรเลขมาจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงคมนาคม ตาม พ.ร.บ. การสื่อสารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519 ซึ่งมีชื่อว่า “การสื่อสารแห่งประเทศไทย” หรือ “กสท.” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง ดังนี้

    1. ดำเนินการและนำมาซึ่งความเจริญของกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคมเพื่อ ประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
    2. ดำเนินธุรกิจอันเกี่ยวกับกิจการไปรษณีย์และโทรคมนาคม
    3. ดำเนินธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่องใกล้เคียงกันหรือซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการไปรษณีย์และ โทรคมนาคม

ทั้งนี้ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติให้เป็นหน้าที่ของนิติบุคคลอื่นโดยเฉพาะ

ปัจจุบัน กสท. ได้ให้บริการต่าง ๆ แก่ผู้ใช้บริการภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้

    1. ให้บริการไปรษณีย์ในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น การรับฝากและนำจ่าย จดหมาย ของตีพิมพ์ พัสดุไปรษณีย์ด่วนพิเศษ เป็นต้น
    2. ให้บริการโทรคมนาคมในประเทศและระหว่างประเทศ เช่น โทรเลข เทเล็กซ์ โทรศัพท์ ระหว่างประเทศ วิทยุติดตามตัว วิทยุคมนาคมระบบเซลลูล่า เป็นต้น
    3. ให้บริการการเงินในประเทศและระหว่างประเทศในส่วนที่เกี่ยวกับการรับฝากและ จ่ายเงินให้ผู้รับ เช่น ธนาณัติ ตั๋วแลกเงินไปรษณีย์ พัสดุไปรษณีย์เก็บเงิน เป็นต้น
    4. ให้บริการอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องใกล้เคียงกันหรือซึ่งเป็นประโยชน์แก่กิจการของ กสท. เช่น การส่งเสริมการสะสมไปรษณียากร การจำหน่ายกล่องกระดาษลูกฟูกและซองจดหมาย มาตราฐาน การจำหน่ายวัสดุกันกระแทก การจำหน่ายตู้รับไปรษณียภัณฑ์ การให้ บริการหุ้มห่อ การจัดส่งงบดุลและบัญชีกำไรขาดทุนประจำปีทางไปรษณีย์ การรับ ชำระภาษีรถประจำปีทางไปรษณีย์ เป็นต้น

สิ่งของส่งทางไปรษณีย์

    1. สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ให้ถือว่าอยู่ในทางไปรษณีย์ตั้งแต่เวลาที่ได้สอดใส่ลงในตู้ไปรษณีย์หรือ ได้มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์จนถึงเวลาที่ได้จ่ายให้ผู้รับ หรือจ่ายคืนผู้ฝากส่งหรือได้จัดการ เป็นอย่างอื่นตามที่กฎหมาย ข้อบังคับ หรือ ระเบียบเกี่ยวกับการไปรษณีย์บัญญัติไว้ สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ที่อยู่ในทางไปรษณีย์ย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฝากส่งเสมอ
    2. การสื่อสารแห่งประเทศไทยจะรับผิดชอบต่อสิ่งของส่งทางไปรษณีย์เมื่ออยู่ในทางไปรษณีย์เท่า นั้น หากสิ่งของนั้นได้พ้นทางไปรษณีย์ไปแล้ว ถือว่าความรับผิดชอบเป็นอันสิ้นสุดลง
    3. การสื่อสารแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องรับผิดในการที่สิ่งของส่งทางไปรษณีย์ที่อยู่ในทาง ไปรษณีย์สูญหาย ส่งผิด เนิ่นช้า แตกหัก หรือบุบสลาย เว้นไว้แต่ในกรณีพิเศษที่มีกฎหมายหรือ กฎข้อบังคับระบุไว้แจ้งชัด
    4. หากปรากฎว่าสิ่งของที่บรรจุภายในสิ่งของส่งทางไปรษณีย์เกิดการเสียสภาพหรือเน่าเหม็นใน ระหว่างทางไปรษณีย์จนอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่เจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ หรืออาจทำให้สิ่งของส่ง ทางไปรษณีย์อื่น ๆ หรืออุปกรณ์ไปรษณีย์เปรอะเปื้อนหรือเสียหาย การสื่อสารแห่งประเทศไทย จะสั่งทำลายหรือจัดการอย่างใดตามที่เห็นสมควรแก่สิ่งของส่งทางไปรษณีย์นั้นก่อนกำหนดก็ ได้

สิ่งของนอกทางไปรษณีย์

    1. เมื่อการสื่อสารแห่งประเทศไทยได้จัดการไปรษณีย์ขึ้นที่ใดแล้ว ห้ามมิให้บุคคลซึ่งไม่ได้รับอำนาจตามพระราชบัญญัติไปรษณีย์ พุทธศักราช 2477 หรือกฎหมายอื่น ส่ง จัดให้ส่ง ฝาก ส่งมอบให้แก่ผู้อื่นเพื่อให้ไปส่งนำส่ง หรือกระทำการอื่นเกี่ยวกับการนำส่งจดหมายหรือไปรษณียบัตรโดยทางอื่นนอกจากทางไปรษณีย์ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้
      1.1 จดหมายหรือไปรษณียบัตรไม่เกินสามฉบับที่ฝากผู้เดินทาง โดยผู้รับฝากนั้นมิได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง รางวัล หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ ในการนั้น
      1.2 จดหมายหรือไปรษณียบัตรที่ได้จัดให้ผู้เดินหนังสือพิเศษถือไปและเกี่ยวข้องด้วยกิจธุระของผู้ฝาก หรือผู้รับจดหมายหรือไปรษณียบัตรนั้นโดยเฉพาะ และผู้เดินหนังสือนั้นต้องห้ามมิได้รับจดหมายหรือไปรษณียบัตรจากผู้อื่น หรือนำส่งจดหมายหรือไปรษณียบัตรให้แก่ผู้อื่น
      1.3 จดหมายหรือไปรษณียบัตรที่เกี่ยวข้องเฉพาะสินค้า หรือทรัพย์สินที่ส่งไปโดยทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ ซึ่งจะต้องส่งมอบพร้อมกับสินค้าหรือทรัพย์สินนั้น โดยมิต้องเสียค่าจ้าง รางวัล หรือได้ผลประโยชน์อย่างใด ในการนำไปหรือส่งมอบจดหมายหรือไปรษณียบัตรนั้น แต่จดหมายหรือไปรษณียบัตรนั้นต้องให้เจ้าพนักงานตรวจดูได้ และต้องมีคำว่า “จดหมายของผู้รับตราส่ง” หรือถ้อยคำอย่างอื่นทำนองเดียวกัน

    2. ภายใต้บังคับข้อ 1 ห้ามมิไห้บุคคลต่อไปนี้นำส่ง รับ รวบรวม หรือส่งมอบจดหมายหรือไปรษณียบัตร หรือแม้ตนจะมิได้รับเงินเดือน ค่าจ้าง รางวัล หรือผลประโยชน์อย่างใด ๆ

      2.1 ผู้ทำการรับขนของหรือคนโดยสาร โดยปกติ รวมทั้งผู้ขับ ลูกจ้าง หรือตัวแทนของบุคคลนั้น ๆ ด้วย เว้นแต่จดหมายหรือไปรษณียบัตรอันเกี่ยวข้องกับของซึ่งรับขนนั้น
      2.2 เจ้าของ นาย ผู้บังคับการ หรือกะลาสีเรือ หรืออากาศยานที่ผ่าน หรือแล่นไปตามแม่น้ำลำคลอง หรือในอากาศภายในราชอาณาจักร หรือแล่นไปตามชายฝั่งทะเล หรือระหว่างท่าเรือ หรือที่ใด ๆ ภายในราชอาณาจักร หรือระหว่างที่ใด ๆ ภายในและภายนอกราชอาณาจักร หรือลูกจ้าง หรือตัวแทนของบุคคลนั้น ๆ เว้นแต่จดหมายหรือไปรษณียบัตรนั้นเกี่ยวกับของที่รับขนนั้น หรือเป็นจดหมายหรอืไปรษณียบัตรที่ได้รับไว้ เพื่อนำส่งไปโดยได้รับอำนาจจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย

    3. ผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนตามข้อ 1 คือ

      3.1 นำส่งจดหมายหรือไปรษณียบัตรโดยทางอื่นนอกจากทางไปรษณีย์ ภายในเขตซึ่ง การสื่อสารแห่งประเทศไทยมีสิทธิพิเศษที่จะทำการนี้ฝ่ายเดียว
      3.2 กระทำการอย่างใด ๆ ที่เกี่ยวแก่การนำส่งจดหมาย หรือไปรษณียบัตรโดยทางอื่น นอกจากทางไปรษณีย์ภายในเขตซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยมีสิทธิพิเศษที่จะทำ การนี้ได้ฝ่ายเดียว
      3.3 ส่งหรือขอให้รับ หรือส่งมอบจดหมายหรือไปรษณียบัตรเพื่อให้ส่งไปโดยทางอื่น นอก จากทางไปรษณีย์ ภายในเขตซึ่งการสื่อสารแห่งประเทศไทยมีสิทธิพิเศษที่จะทำการ นี้ได้ฝ่ายเดียว
      3.4 รวบรวมจดหมายหรือไปรษณียบัตรเพื่อส่งไปทางอื่นนอกจากทางไปรษณีย์ เว้นแต่ได้ สิทธิพิเศษดังกล่าวข้างต้น ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับตามจำนวนจดหมายหรือไปรษณียบัตรไม่เกินฉบับละ สิบบาท

    4. ผู้ใดนำส่ง รับ ขอให้รับ หรือส่งมอบจดหมายหรือไปรษณียบัตร หรือรวบรวมจดหมายหรือ ไปรษณียบัตรเป็นการฝ่าฝืนต่อข้อ 2 ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษปรับตามจำนวนจดหมาย หรือไปรษณียบัตรไม่เกินฉบับละยี่สิบบาท

    5. จดหมายนอกทางไปรษณีย์นั้นจะใส่ห่อซองปิดผนึกหรือเปิดผนึก หรือมิได้ใส่ห่อหรือซองก็ตาม ย่อมไม่ได้รับสิทธิยกเว้นแต่ประการใด ถ้าใส่ห่อหรือซองจะนับห่อหรือซองหนึ่งเป็นจดหมาย ฉบับหนึ่ง เว้นแต่ในห่อหรือซองนั้นมีจดหมายรวมกันอยู่หลายฉบับ จะนับแยกออกเป็นฉบับ ๆ ตามจำนวนจดหมายที่มีอยู่

มาตรา

    1. มาตรา 7 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 ประกอบกับมาตรา 4 พระราชบัญญัติการสื่อ สารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519
    2. มาตรา 61 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477 ประกอบกับมาตรา 4 พระราชบัญญัติการสื่อ สารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2519
    3. มาตรา 63 พระราชบัญญัติไปรษณีย์ พ.ศ. 2477

สิ่งของในห่อซองเดียวกัน

    1 ผู้ใดรวบรวมจดหมาย หรือไปรษณียบัตรหลายฉบับถึงบุคคลหลายคนเข้าในห่อหรือซองเดียวกัน เพื่อส่งทางไปรษณีย์เป็นห่อจดหมาย หรือตนรู้อยู่แล้วขอให้รับหรือส่งมอบจดหมายหรือ ไปรษณียบัตรเพื่อให้ส่งเป็นห่อจดหมาย เว้นแต่ได้สิทธิพิเศษดังกล่าวข้างต้น ผู้นั้นมีความผิด ต้องระวางโทษปรับตามจำนวนจดหมายหรือไปรษณียบัตร ไม่เกินฉบับละสิบบาท
    2. การรวบรวมจดหมายหรือไปรษณียบัตรหลายฉบับจากผู้ฝากส่งรายเดียวกันส่งถึงผู้รับรายเดียว กัน หรือรวบรวมจดหมายหรือไปรษณียบัตรถึงผู้รับหลายราย แต่ผู้รับทั้งหมดนั้นอาศัยอยู่กับผู้ รับตามจ่าหน้าห่อหรือซองใหญ่ไม่ถือว่าเป็นความผิด
    3. การรวบรวมไปรษณียภัณฑ์ต่างชนิดไปด้วยกันจะกระทำได้เฉพาะเท่าที่ได้รับอนุญาตจากการ สื่อสารแห่งประเทศไทย

ผู้จัดทำรายงาน

    1. นายมงคล พิพิธไพบูลย์
    2. นางกานดา ลือกาญจนวนิช
    3. นางสาววิไลรัตน์ สิงหภาณุพงศ์
    4. นางวารีพร ศักดิ์น้ำสมบูรณ์
    5. นางสุภาภรณ์ วัดอ่อน


หน้าสารบัญ

ปรับปรุงล่าสุด วันที่ 9 ธันวาคม 2549
รศ. จุมพจน์ วนิชกุล
chumpot@hotmail.com