มาตรา 8 ให้ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน
บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด ที่จัดตั้งขึ้นตาม กฎหมายไทย
นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
กิจการร่วมค้า ตามประมวลรัษฎากร เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
และต้องจัดให้มีการทำบัญชีสำหรับการประกอบธุรกิจ ของตนโดยมีรายละเอียด
หลักเกณฑ์ และวิธีการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีประกอบธุรกิจเป็นประจำในสถานที่หลายแห่งแยกจากกัน
ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการธุรกิจในสถานที่นั้นเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเป็นกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร
ให้บุคคลซึ่งรับผิดชอบ
ในการดำเนินการของกิจการนั้นเป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษากำหนด
ให้บุคคลธรรมดาใดหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใดในประเทศไทยตามเงื่อนไขใด
เป็นผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัตินี้ได้
ประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคสี่
ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า หกเดือนก่อนวันใช้บังคับ
ในกรณีที่มีประกาศของรัฐมนตรีตามวรรคสี่
ให้อธิบดีกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับ วันเริ่มทำบัญชีครั้งแรก
และกำหนดวิธีการจัดทำบัญชีของบุคคลธรรมดาหรือห้างหุ้นส่วนที่มิได้จดทะเบียนนั้น
มาตรา 9
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องจัดให้มีการทำบัญชีนับแต่วันเริ่มทำบัญชีดังต่อไปนี้
เป็นต้นไป
- ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด
หรือบริษัทมหาชนจำกัด ให้เริ่มทำบัญชี
นับแต่วันที่ห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด
หรือบริษัทมหาชนจำกัดนั้น ได้รับการจดทะเบียนเป็น นิติบุคคลตามกฎหมาย
- นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทยให้เริ่มทำบัญชี
นับแต่วันที่นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศนั้นได้เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทย
- กิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร
ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่กิจการร่วมค้านั้นได้เริ่ม ต้นประกอบกิจการ
- สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำตามมาตรา
8 วรรคสอง ให้เริ่มทำบัญชีนับแต่วันที่
สถานที่ประกอบธุรกิจเป็นประจำนั้นเริ่มต้นประกอบกิจการ
มาตรา 10
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องปิดบัญชีครั้งแรกภายในสิบสองเดือนนับแต่วันเริ่ม
ทำบัญชีที่กำหนดตามมาตรา 8 วรรคหก หรือวันเริ่มทำบัญชีตามมาตรา 9
แล้วแต่กรณี และปิดบัญชีทุก รอบสิบสองเดือนนับแต่วันปิดบัญชีครั้งก่อน
เว้นแต่
- เมื่อได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีให้เปลี่ยนรอบปีบัญชีแล้ว
อาจปิดบัญชีก่อนครบรอบสิบสองเดือนได้
- ในกรณีมีหน้าที่จัดทำบัญชีตามมาตรา 8
วรรคสอง ให้ปิดบัญชีพร้อมกับสำนักงานใหญ่
มาตรา 11
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ
และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ต้องจัดทำงบการเงินและ
ยื่นงบการเงินดังกล่าวต่อสำนักงานกลางบัญชี
หรือสำนักงานบัญชีประจำท้องที่ภายในห้าเดือนนับแต่วัน ปิดบัญชีตามมาตรา
10 สำหรับกรณีของบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่จัดตั้งตามกฎหมายไทย
ให้ยื่น
ภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่งบการเงินนั้นได้รับอนุมัติในที่ประชุมใหญ่
ทั้งนี้ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นทำให้ผู้มี
หน้าที่จัดทำบัญชีไม่สามารถจะปฏิบัติตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้
อธิบดีอาจพิจารณาสั่งให้ขยายหรือเลื่อน
กำหนดเวลาออกไปอีกตามความจำเป็นแก่กรณีได้
การยื่นงบการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนด
งบการเงินต้องมีรายการย่อตามที่อธิบดีประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของรัฐมนตรี
เว้นแต่กรณีที่ได้มีกฎหมายเฉพาะกำหนดเพิ่มเติมจากรายการย่อของงบการเงิน
ที่อธิบดีกำหนดไว้แล้ว ให้ใช้รายการย่อตามที่กำหนดในกฎหมายเฉพาะนั้น
งบการเงินต้องได้รับการตรวจสอบและแสดงความเห็นโดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต
เว้นแต่
งบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีซึ่งเป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
ที่มีทุน สินทรัพย์ หรือรายได้ รายการใดรายการหนึ่งหรือทุกรายการ
ไม่เกินที่กำหนดโดยกฎกระทรวง
มาตรา 12 ในการจัดทำบัญชี
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องส่งมอบเอกสารที่ต้องใช้ประกอบ
การลงบัญชีให้แก่ผู้ทำบัญชีให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อให้บัญชีที่จัดทำขึ้นสามารถแสดงผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน
หรือการเปลี่ยนแปลงฐานะการเงินที่เป็นอยู่ตามความเป็นจริง
และตามมาตรฐานการบัญชี
มาตรา 13
ผู้มีหน้าจัดทำบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชี
ไว้ ณ สถานที่ทำการ
หรือสถานที่ที่ใช้เป็นที่ทำการผลิตหรือเก็บสินค้าเป็นประจำหรือสถานที่ที่ใช้เป็น
ที่ทำงานเป็นประจำ
เว้นแต่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีจะได้รับอนุญาตจากสารวัตรใหญ่บัญชี
หรือสารวัตรบัญชี
ให้เก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไว้ ณ
สถานที่อื่นได้
การขออนุญาตและการอนุญาตตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ที่อธิบดีกำหนด
และในระหว่างรอการอนุญาตให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้
ประกอบการลงบัญชีไว้ในสถานที่ที่ยื่นขอนั้นไปพลางก่อนได้
ในกรณีที่จัดทำบัญชีด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมืออื่นใดในสถานที่อื่นใด
ในราชอาณาจักรที่มิใช่สถานที่ตามวรรคหนึ่ง
แต่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือเครื่องมือนั้น
มายังสถานที่ตามวรรคหนึ่ง
กรณีดังกล่าวนี้ให้ถือว่าได้มีการเก็บรักษาบัญชีไว้ ณ
สถานที่ตามวรรคหนึ่งแล้ว
มาตรา 14
ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีต้องเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลง
บัญชีไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันปิดบัญชีหรือจนกว่าจะมีการส่งมอบบัญชีและเอกสารตามมาตรา
17
เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชีของกิจการประเภทใดประเภทหนึ่ง
ให้อธิบดีโดยความ
เห็นชอบของรัฐมนตรีมีอำนาจกำหนดให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการ
ลงบัญชีไว้เกินห้าปีแต่ต้องไม่เกินเจ็ดปีได้
มาตรา 15
ถ้าบัญชีหรือเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหาย หรือเสียหาย
ให้ผู้มี
หน้าที่จัดทำบัญชีแจ้งต่อสารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกำหนดภายใน
สิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบหรือควรทราบถึงการสูญหาย หรือเสียหายนั้น
มาตรา 16
ในกรณีที่สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีตรวจสอบพบว่าบัญชี และเอกสาร
ที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีที่เป็นสาระสำคัญแก่การจัดทำบัญชีสูญหายหรือถูกทำลาย
หรือปรากฏว่าบัญชี และเอกสารดังกล่าวมิได้เก็บไว้ในที่ปลอดภัย
ให้สันนิษฐานว่าผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีมีเจตนาทำให้เสียหาย ทำลาย
ซ่อนเร้น หรือทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งบัญชีหรือเอกสารนั้น
เว้นแต่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชี
จะพิสูจน์ให้เชื่อได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่กรณีนั้น
เพื่อป้องกันมิให้บัญชีหรือเอกสารที่ต้อง ใช้ประกอบการลงบัญชีสูญหาย
หรือเสียหาย
มาตรา 17
เมื่อผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีเลิกประกอบธุรกิจด้วยเหตุใด ๆ
โดยมิได้มีการชำระบัญชี
ให้ส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีแก่สารวัตรใหญ่บัญชี
หรือสารวัตรบัญชีภายใน เก้าสิบวันนับแต่วันเลิกประกอบธุรกิจ
และให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีเก็บรักษาบัญชีและเอกสาร
ที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่าห้าปี
เมื่อผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีร้องขอ
ให้สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจขยายเวลา
การส่งมอบบัญชีและเอกสารตามวรรคหนึ่งได้
แต่ระยะเวลาที่ขยายเมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันเลิกประกอบธุรกิจ
ในกรณีที่ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการลงบัญชีไม่ครบถ้วน
ถูกต้อง
สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีมีอำนาจเรียกให้ผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีส่งมอบบัญชีและเอกสารที่ต้อง
ใช้ประกอบการลงบัญชีให้ครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด
มาตรา 18 งบการเงิน บัญชี
และเอกสารที่สารวัตรใหญ่บัญชีหรือสารวัตรบัญชีได้รับและเก็บ
รักษาไว้ตามมาตรา 11 หรือมาตรา 17
ผู้มีส่วนได้เสียหรือบุคคลทั่วไปอาจขอตรวจดูหรือขอภาพถ่ายสำเนาได้โดย
เสียค่าใช้จ่ายตามที่อธิบดีกำหนด