ความเป็นมาของเครือข่าย WWW
การทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ในลักษณะที่เชื่อมโยงกันเช่นนี้ เป็นการทำงานของ INTERNET ในช่วงแรกๆซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่ ก็คือผู้เชี่ยวชาญ วิทยาการด้านต่างๆ ผู้ที่ทำให้ INTERNET เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ Dr.Tim Berners-Lee โดยในปี ค.ศ.1990 ขณะที่เขาเป็นนักฟิสิกส์อยู่ที่ห้อง ปฏิบัติการอนุภาคฟิสิกส์ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เขามีความคิดว่า งานของเขาจะง่ายขึ้น ถ้าเขาและเพื่อนร่วมงานสามารถเชื่อมโยง เครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องเข้าด้วยกันอย่างง่ายๆ จากเครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง แล้วไปยัง อีกเครื่องหนึ่ง เป็นดังนี้เรื่อยไป ในลักษณะเดียวกับ ใยแมงมุมนี่คือ ที่มาของเครือข่ายใยแมงมุม หรือ World Wide web หรือ Web หรือ W3
World Wide Web เป็นส่วนหนึ่งของ INTERNET ซึ่งได้พัฒนามาในรูป ไฮเปอร์เทกซ์ (Hypertext) หรือในรูปแบบของการเชื่อมโยงที่สามารถ ทำให้ผู้ใช้สามารถเดินทางจากที่อยู่ (Web site)หนึ่งไปยังอีกที่อยู่หนึ่ง โดยการกดปุ่ม (Click) ที่ทำเชื่อมโยงไว้ (Highlighted links) ส่วนที่เป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงนี้ อาจจะอยู่ในลักษณะไอคอน (Icon) หรือข้อความ (Text) หรือรูปภาพ(Image) ก็ได้ ก่อนหน้าที่ World Wide Web จะเข้ามามีบทบาท เว็บไซต์ต่างๆ บน INTERNET สามารถแบ่งปัน ทรัพยากรแก่กันได้น้อยมาก ในปัจจุบัน World Wide Web นับเป็นส่วนทีมีความสำคัญที่สุดของ INTERNET มีวิธีการเข้าถึงที่ง่ายที่สุดและดีที่สุด เพราะประกอบด้วยเว็บไซต์จำนวนมาก ที่มีผู้จัดทำจากหน่วยงานต่างๆ และบุคคลดังได้กล่าวมาแล้ว ข้อมูลในเว็บไซต์ดังกล่าวครอบคลุมเรื่องราวทุกๆด้าน
การเชื่อมโยงเข้าสู่ World Wide web หมายถึง การเชื่อมโยงเข้ากับเครือข่ายของเครือข่าย ที่ประกอบกันขึ้นเป็น INTERNET แต่ละเครือข่ายได้รับการดูแลโดยเจ้าของซึ่งอาจเป็นบุคคล ตัวแทนของ สถาบันการศึกษาหรือผู้สร้างเวบไซต์ในหน่วยงานต่างๆ
การใช้โปรแกรมบน WWW (Browser programs)
เครื่องมือที่สำคัญในการค้นข้อมูลต่างๆในระบบ WWW ได้แก่ โปรแกรมที่ใช้สำหรับการอ่านข้อมูลในระบบ อินเทอร์เน็ต (Internet Browser Program) เช่น โปรแกรม Netscape Communicator และ โปรแกรม Internet Explorer ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้
โปรแกรม Browser ใช้สำหรับการเปิดดูเว็บไซต์ต่างๆทั่วโลกในระบบอินเทอร์เน็ต รวมทั้งติดต่อกับเครื่อง คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆในเครือข่าย ที่สมควรรู้จักมี 2 โปรแกรม คือ โปรแกรม Netscape Communicator และโปรแกรม Internet Explorer
โปรแกรม Netscape Communicator
โปรแกรม Netscape Navigator เป็นโปรแกรมบราวเซอร์สำหรับอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา ตั้งแต่การใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบ World Wide Web เป็นยุคที่การใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบกราฟฟิกเริ่มได้รับ ความนิยม โปรแกรม Netscape ได้รับการพัฒนาทั้งในด้านของรูปแบบการทำงานและคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติมต่างๆมาเรื่อยๆ จนกระทั่งล่าสุดโปรแกรม Netscape Navigator ได้พัฒนามาเป็น เวอร์ชัน 6
โปรแกรม Netscape Communicator นี้เปรียบเสมือนเป็นโปรแกรมแบบ All-In-On กล่าวคือ ตัวโปรแกรม Netscape Communicator ในชุดมาตรฐาน (Standard Edition) นั้นจะมีโปรแกรมย่อยต่างๆ มาให้แก่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ใช้งาน อย่างครบวงจร โดยโปรแกรมต่างๆ ภายใต้ Netscape Communicator จะประกอบไปด้วย
นอกเหนือจากโปรแกรมหลักๆข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว โปรแกรม Netscape Communicator ยังมีโปรแกรมอื่นๆ เช่น Netscape AOL Instant Messenger ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ใช้สำหรับรับส่งข้อความระหว่างกันผ่านอินเทอร์เน็ต โปรแกรมนี้ทาง Netscape ได้ร่วมมือกับ American Online ต่อมาทาง Netscape ยังได้เผยแพร่โปรแกรมอื่นๆที่ใช้ร่วมกับ Netscape Communicator อีกหลายชนิด เช่น Netscape Calendar และ Netscape IBM Host On-Demand เป็นต้น
เมื่อเริ่มเรียกโปรแกรม Netscape Communicator ใช้งาน จะต้องเริ่มจากการ click ที่ภาพสัญลักษณ์ของโปรแกรม จากหน้าจอ Desktop ของโปรแกรม Windows จะปรากฎหน้าจอหลักของโปรแกรม Netscape Communicator ดังต่อไปนี้
คำอธิบายในการใช้ปุ่มเมนูต่างๆจากโปรแกรม Netscape Communicator
ปัจจุบันมีการพัฒนาโปรแกรม Netscape Communicator ให้มีความสามารถมากขึ้น ลักษณะการใช้งานง่ายขึ้น ดังภาพหน้าจอหลัก ที่พัฒนาแล้ว ดังนี้
โปรแกรม Internet Explorer
เมื่อปี ค.ศ. 1995 บริษัทไมโครซอฟท์ จำกัด ได้ออกแบบโปรแกรมบราวเซอร์ตัวแรก โดยนำเอาโปรแกรม Spyglass Mosaic มาปรับแต่งแล้วใส่โลโก้ของวินโดวส์ 95 และสนใจในการพัฒนาการใช้โปรแกรมในอินเทอร์เน็ตอย่างจริงจัง จนในที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 1996 ไมโครซอฟท์สามารถผลิตโปรแกรม Internet Explorer 3.0 ที่สวยงาม ใช้งานง่าย และสนับสนุนมัลติมีเดีย โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมปลั๊กอินเพิ่มเติม พร้อมทั้งประกาศนโยบายให้ใช้โปรแกรมฟรี และมีความคิดจะให้ตัวโปรแกรม ถูกรวมเข้าไปในระบบปฏิบัติการทุกๆเวอร์ชันของไมโครซอฟท์
ต่อมาทางบริษัทได้เพิ่มเติมความสามารถของโปรแกรมเมื่อ ปี ค.ศ. 1997 โดยได้แนะนำ Internet Explorer Platform Preview 1 เวอร์ชันนี้มีความสามารถที่เพิ่มเข้ามาใหม่ก็คือมี "Active Desktops" ที่ทำให้เดสก์ทอปเดิมๆ ของวินโดวส์สามารถโต้ตอบ การทำงานกับผู้ใช้ได้ดีขึ้น และเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1997 ไมโครซอฟท์ก็ได้ออก Platform Preview 2 ออกมาอีก โดยมีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซ และแก้ไขข้อบกพร่องที่มีอยู่ให้น้อยลง และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวอร์ชัน 5 กลายเป็นชุดโปรแกรมสำหรับการใช้บริการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งประกอบด้วยโปรแกรมย่อยๆ ดังนี้ (กมล ชาญศิลปากร, 2541, หน้า 38-41) คือ
การใช้เมนูต่างๆในโปรแกรม Internet Explorer
เมื่อมีการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows ในเครื่องคอมพิวเตอร์แล้ว โปรแกรม Windows จะติดตั้งโปรแกรม Internet Explorer ให้โดยอัตโนมัติ จะมีรูปสัญลักษณ์ของโปรแกรมอยู่ที่ Desktop ของโปรแกรม Windows ดังนี้
ให้ click เรียกโปรแกรมจากภาพสัญลักษณ์ (Icon) ได้ทันที และจะเริ่มเข้าสู่การใช้งานของโปรแกรม Internet Explorer ดังหน้าจอเมนูหลักของโปรแกรม ดังนี้
อธิบายการใช้เมนูต่างๆจากโปรแกรม Internet Explorer
การค้นข้อมูลในระบบ INTERNET
พัฒนาการของการค้นข้อมูล เริ่มต้นจากพัฒนาการการให้ข้อมูลในลักษณะอักษรคูนิฟอร์ม อักษรเฮียโร กลิฟฟิก มาจนกระทั่งเป็นตัวอักษรในปัจจุบัน ที่บันทึกลงในแผ่นดินเหนียว กระดาษปาไปรัส และกระดาษใน ปัจจุบัน ให้บริการผ่านแหล่งให้ข้อมูล คือ ห้องสมุดประเภทต่างๆ สังคมโลกาภิวัตน์ปัจจุบันทำให้ห้องสมุด ทุกแห่งกลายเป็นห้องสมุดโลกที่ไร้พรมแดน
ข้อมูลในปัจจุบันได้จากการจัดทำด้วยโปรแกรมจัดการฐานข้อมูล ให้บริการผ่านจอคอมพิวเตอร์ จากเครื่องหนึ่งไปสู่อีกเครื่องหนึ่ง ผู้ใช้บริการสามารถค้นหาข้อมูลได้ด้วยตนเองจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ จุดใดๆก็ได้จาการใช้โปรแกรมอ่านเอกสารในระบบอินเทอร์เน็ต (Browsers) โดยมีขั้นตอนการค้นข้อมูล ดังต่อไปนี้
ในระบบเครือข่าย Internet เราจะสามารถติดต่อกับคน องค์การ สมาคม บริษัท หรือ หน่วยงานต่างๆได้ ทั่วโลกโดยไม่มีขอบเขตจำกัด สามารถเข้าถึงตัวสารสนเทศได้อย่างมหาศาล ข้อมูลที่ได้รับอาจตรงตามความต้องการ แต่ข้อมูลบางส่วนอาจเป็นข้อมูลที่ไม่ต้องการและเกินความจำเป็น ผู้ใช้ข้อมูลจึงต้องเรียนรู้วิธีการได้ข้อมูลที่ตรงกับความต้องการ
ผู้ค้นข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องทราบที่อยู่ของผู้ให้บริการข้อมูล นั่นคือทราบ url หรือ address ของผู้ให้บริการข้อมูล โดยการพิมพ์คำว่า www ตามด้วยชื่อของผู้ให้บริการข้อมูลลงไปในกรอบเมนู address ของโปรแกรม Browser
ที่อยู่ของ Website ที่ให้บริการค้นข้อมูล (Search engines) ที่สำคัญๆ ได้แก่
ตัวอย่าง Website ของ Yahoo
ตัวอย่าง Website ของ Lycos
ตัวอย่าง Website ของ Google
2. รู้จักวิธีการค้น
ตัวอย่าง การค้นจากWebsite ของ Yahoo
ตัวอย่าง การค้นจากWebsite ของ Google
3. รู้จักวิธีการอ่านผลการสืบค้น
เมื่อเริ่มต้นคำค้นจากการพิมพ์คำค้น หรือเลือกรายการหมวดหมู่เมนูการค้น ผู้ค้นข้อมูลจะต้องติดตามผลการค้น จนกว่าจะได้ข้อมูลฉบับเต็ม (Full text) ที่ต้องการ ดังเช่นผลการค้นข้อมูลเรื่อง English language and teaching จาก Website ของ Google จะได้คำตอบ จำนวนมาก และผู้ค้นจะต้องเลือกรายการต่อไปจนกว่าจะพอใจกับ คำตอบ ที่ได้รับ
ผู้ให้บริการค้นข้อมูลจะอำนวยความสะดวกทั้งจากการจัดทำหน้าจอเมนูสำหรับการค้น และการจัดลำดับ หัวข้อเรื่องสำหรับการค้นเหมือนกับเรากำลังค้นข้อมูลจากตู้บัตรรายการประเภทบัตรเรื่องในห้องสมุด ดังที่ Google ได้จัดทำให้บริการ
ตัวอย่างคำตอบที่ได้รับจากการเลือกรายการที่ต้องการ ในกรณีนี้จะเข้าสู่ Webpage ของ BBC
ผู้ค้นข้อมูลสามารถเลือกรายการเมนูต่างๆต่อไปได้
4. รู้จักวิธีการจัดเก็บผลการสืบค้น
5. รู้วิธีการเผยแพร่การสืบค้น