เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของบรรพบุรุษในการสร้างงานศิลปะ
จากภูมิปัญญาที่คอดแบบผสมผสาน
การนำวัตถุดิบพื้นบ้านที่หาได้ในแต่ละท้องถิ่นของภาคต่าง ๆ ในประเทศ
มาประดิษฐ์เครื่องมือเครื่องใช้ได้อย่างมีศิลปะ ถึงแม้ว่าเครื่องเครื่องใช้
เหล่านี้จะเป็นเพียงของใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านธรรมดาใช้กัน แต่ก็มีคุณค่ามากมายในตัวมันเอง
สุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์ ได้กล่าวถึงลักษณะเฉพาะของสารานุกรมไว้ ดังนี้
1. สารานุกรมมีทั้งชนิดเล่มเดียวจบ และชนิดเป็นชุดหลายเล่มจบ
ถ้าเป็นชุดหลายเล่มจะแจ้งไว้ที่สันว่า อักษรใดถึงอักษรใด เพื่อให้ค้นได้สะดวก
2. สารานุกรมทั้งขั้นอ่านยากสำหรับผู้มีความรู้สูง และขั้นอ่านง่ายสำหรับเยาวชน
หรือผู้ที่มีความรู้ระดับปานกลาง ถ้ายากทราบสารานุกรมขั้นใดก็อ่านได้จากคำนำ
3. สารานุกรมประกอบด้วยบทความทางวิชาการด้านต่าง ๆ โดยการจัดเรียงลำดับตามตัวอักษร
4. มีชื่อเต็มหรืออักษรย่อของผู้เขียนบทความกำกับไว้ที่ท้ายเรื่องทุกเรื่อง
5. มีภาพประกอบบทความบางเรื่อง
6. สารานุกรมต่างประเทศส่วนมากมีบรรณานุกรม คือ รายชื่อหนังสือ หรือเอกสารอื่น ๆ
ใช้ค้นคว้าเรียบเรียง
บทความเรื่องนั้น ๆ โดยจัดไว้ท้ายบทความแตาละเรื่อง
7. มีดรรชนีค้นคว้าเรื่องย่อย ๆ ในเล่ม สารานุกรมบางชุดมีดรรชนีแยกเล่มไว้ ต่างหาก ลมุล
รัตตากร ได้กล่าวถึงลักษณะเฉพาะ ของสารานุกรม ดังนี้
7.1 สารานุกรมเป็นหนังสือที่เขียน โดยผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขาวิชา
7.2 สารานุกรมจะได้รับการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอ
7.3 สารานุกรมอาจจะจบในเล่มเดียวหรืออาจจะเป็นชุด ชุดละตั้งแต่สองเล่มขึ้นไป จนถึง
20-30 เล่มก็มี
7.4 สารานุกรมต่างประเทศจะมีการปรับปรุงเนื้อหาทุก ๆ ปี
7.5 สารานุกรมต่างประเทศบางชุดจะมีฉบับเพิ่มเติมเหตุการณ์ในปีที่ผ่านมาแล้วแต่ละปี ๆ
7.6 สารานุกรมมักมีรูปภาพ แผนที่ ตารางและอื่น ๆ อันจะช่วยให้ความเข้าใจในเนื้อหา
ประโยชน์ของสารานุกรม
1. ใช้เป็นแหล่งข้อมูลค้นหาคำตอบเกี่ยวกับข้อเท็จจริงได้ทุก ๆ แขนงวิชา
2. ข้อเท็จจริงในหนังสือสารานุกรมเชื่อถือได้
เพราะเป็นหนังสือที่เขียนโดยผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาวิชานั้น ๆ
3. ใช้เป็นแหล่งศึกษาพื้นฐานความรู้ในเชิงประวัติความเป็นมา
และวิวัฒนาการของศาสตร์ในสาขาต่าง ๆ
4. ได้ความรู้ที่ทันสมัยเพราะมีการปรับปรุงเนื้อหาทุก ๆ ปี
5. ผู้ใช้สามารถค้นหาคำตอบได้สะดวกและรวดเร็ว เพราะมีเครื่องมือช่วยค้น คือดรรชนี
(Index)
6. ผู้ใช้สามารถศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เพราะมีการจัดเรียงลำดับเนื้อเรื่องอย่างมีระเบียบ
7. ใช้เป็นคู่มือของบรรณารักษ์ในการบริการตอบคำถามได้เป็นอย่างดี
ประเภทของสารานุกรม
1. แบ่งตามขอบเขตเนื้อหาวิชา
1.1 สารานุกรมทั่วไป (General Encyclopedias) สารานุกรมทั่วไป ได้แก่
สารานุกรมที่รวบรวมความรู้ทุกแขนงวิชา มีทั้งให้ข้อมูลละเอียด และอย่างสังเขป
อธิบายเรื่องราวเพื่อเป็นพื้นฐานความรู้เยวกับศาสตร์ทุกแขนงของมวลมนุษย์ตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน
1.2 สารานุกรมเฉพาะสาขาวิชา (Subject Encyclopedias) ได้แก่
สารานุกรมที่รวบรวมความรู้สาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือ
รวบรวมเรื่องราวแขนงใดแขนงหนึ่งโดยเฉพาะ
2. แบ่งตามระดับอายุของผู้ใช้
2.1 สารานุกรมสำหรับเยาวชน จะใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย บทความมีขนาดกระทัดรัด
จบสมบูรณ์ในตัวเอง มีภาพประกอบเป็นจำนวนมาก
2.2 สารานุกรมสำหรับผู้ใหญ่ คือ สารานุกรมที่จัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ
ข้อมูลที่ได้จะละเอียดและลึกซึ้งกว่า สารานุกรมสำหรับเยาวชน
3. แบ่งตามจำนวนเล่ม สามารถแบ่งได้อีก 2 ประเภท
3.1 สารานุกรมหลายเล่มจบ บางครั้งเรียกสารานุกรมประเภทชุด ตัวอย่างเช่น
สารานุกรมไทยฉบับราชบัณฑิตยสถาน
3.2 สารานุกรมเล่มเดียวจบ เป็นสารานุกรมที่ให้ข้อเท็จจริงอย่างย่อ ๆ
บทความมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับใช้ตอบคำถามที่ต้องการตอบทันที
จัดเรียงตามลำดับอักษรแบบพจนานุกรม ไม่มีดรรชีค้นเรื่อง
วิธีใช้สารานุกรม
1. พิจารณาว่าเรื่องที่ต้องการเป็นความรู้พื้นฐานหรือความรู้ที่เป็นเรื่องเฉพาะวิชา
2. เลือกใช้สารานุกรมให้ถูกกับเรื่องที่ต้องการ
3. เปิดดูดรรชนี เพื่อดูว่าเรื่องที่ต้องการค้นหาอยู่ในเล่มไหน หน้าเท่าไร
โดยพิจารณาให้ถูกกับลักษณะของารานุกรม เช่น
3.1 เปิดดูดรรชนีท้ายเล่ม
(สารานุกรมสำหรับเยาวชนและสารานุกรมบางชุดดรรชนีอยู่ด้านหน้า)
3.2 เปิดดูดรรชนีที่เล่มสุดท้ายของชุด
(สารานุกรมสำหรับผู้ใหญ่และสารานุกรมบางชุดอยู่ท้ายเล่ม)
4. ดูอักษรนำเล่ม หรือคำแนะที่สันหนังสือ เพื่อดูว่าเรื่องที่ต้องการอยู่เล่มใด
5. ก่อนใช้สารานุกรมแต่ละชุดควรอ่านใช้เป็นลำดับแรก แล้วจึงค้นหาเรื่องที่ต้องการ
ผู้สรุปเนื้อหา
นางสาววรุณรัตน์ คนซื่อ
ปรับปรุงล่าสุด วันที่ 10 มิถุนายน 2545
รศ. จุมพจน์ วนิชกุล
chumpot@hotmail.com / chumpotw@yahoo.com