|
พัฒนาการของสารนิเทศจากประเภทของสื่อสารนิเทศ
เนื่องจากสารนิเทศในสาขาต่าง ๆ ที่มนุษย์รู้จักและใช้กันตั้งแต่แรกเริ่มมีตัวอักษร และมีพัฒนาการในการประดิษฐ์วัสดุเพื่อใช้ กับการเขียนนั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือ หรือ วัสดุตีพิมพ์ แต่ภายหลังจากการเริ่มมีการแนะนำสารนิเทศในรูปแบบอื่น คนในสังคมได้
ตระหนักดีถึงความเปลี่ยนแปลงสภาพของสังคมและเกิดการเรียนรู้ในเรื่องราวการสื่อสารที่มี ความสะดวกและรวดเร็ว
และได้หาวิธีการที่จะพัฒนาสื่อสารนิเทศให้สอดคล้องกับสังคมที่ เปลี่ยนแปลงไป เช่น ความรวดเร็วต่อการที่จะได้รับข่าวสาร อุปกรณ์สำหรับใช้กับสาร
นิเทศที่เปลี่ยนไป เป็นต้น
พัฒนาการของสารนิเทศตามวิวัฒนาการของสื่อสารนิเทศ อาจสรุปสังคมสาร นิเทศตามที่ทอฟเฟลอร์ (Toffler, 1980) และพรทิพย์ ดีสมโชค (2531, หน้า 47-48)
ได้กล่าวเปรียบเทียบเหมือนกับคลื่นของสารนิเทศ มี 3 ยุค คือ
คลื่นยุคที่ 1 ได้แก่ ยุคปฎิวัติทางเกษตรกรรม (Agricultural Revolution) ยุคแรกนี้เริ่มตั้งแต่ประมาณ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงประมาณ ค.ศ.1750
ความเป็น อยู่ของคนในสังคมสารนิเทศแรกมีความเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ ปฏิบัติตามประเพณีนิยมที่ เคยปฎิบัติกันมา
ได้รับการถ่ายทอดความคิดจากบุคคลในครอบครัวและในหมู่บ้านของตน ไม่ มีโอกาสได้เห็นสังคมอื่น ๆ ที่แตกต่างไปจากสังคมที่ตนอาศัยอยู่
สารนิเทศจะอยู่ในรูปแบบ ของภาษาพูดและภาษาเขียน
คลื่นยุคที่ 2 ได้แก่ ยุคปฎิวัติทางอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) ยุคที่สองของสารนิเทศเริ่มตั้งแต่ ค.ศ.1750 ถึงประมาณ ค.ศ.1950 เป็นยุคที่สาร
นิเทศประเภทหนังสือและวารสาร มีบทบาทสำคัญและสื่อสารนิเทศด้านสื่อมวลชนเข้ามามีบทบาทต่อ สังคมสารนิเทศยุคนี้ เช่น การตื่นตัว
การจัดทำหนังสือพิมพ์เพื่อสังคมได้รับข่าวสาร การพัฒนาสื่อสารนิเทศด้านวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ สื่อสารนิเทศได้แพร่
กระจายเข้าไปในชุมชนผ่านอุปสรรคของการขวางกั้นจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ระยะทาง เวลา ภาษา ศาสนาหรือขนบธรรมเนียมประเพณี
คลื่นยุคที่ 3 ได้แก่ ยุคเทคโนโลยีระดับสูง (High Technology Civilization) ยุคนี้เป็นยุคของสังคมข่าวสารปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1950 เป็นต้น มา
เป็นสังคมข่าวสารที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก้าวเข้าสู่ยุคอิเล็กทรอนิกส์และ คอมพิวเตอร์ เกิดสภาพ สื่อสารนิเทศใหม่ ๆ
จนทำให้สภาพของสังคมสารนิเทศเหมือนกันใน ทุกประเทศ ไม่มีปัญหาใด ๆ ต่อการที่จะรับทราบสารนิเทศ ซึ่งกันและกัน
ในสังคมสมัยโบราณ การติดต่อสื่อสารเพื่อถ่ายทอดสารนิเทศซึ่งกันและกัน ใช้ เวลานานมากกว่าจะได้ทราบเรื่องซึ่งกันและกัน
ดังเช่นการเชิญพระราชสาส์นในสมัยสมเด็จ พระนารายณ์มหาราช สมัยกรุงศรีอยุธยา ใช้เวลาในการเชิญพระราชสาส์นจากกรุง ศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 18
มิถุนายน พ.ศ.2229 จนกระทั่งไปถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2229 (พลับพลึง มูลศิลป์, 2523, หน้า 113-114) การเดินทาง
ของสารนิเทศคือ พระราชสาส์นใช้เวลาเดินทางเกือบ 2 เดือนเต็มกว่าที่พระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 แห่งประเทศฝรั่งเศสได้ทอดพระเนตร
เมื่อระบบโทรคมนาคมเข้ามาเกี่ยวข้องกับสารนิเทศ ความเปลี่ยนแปลงต่อการรับ สารนิเทศจึงเปลี่ยนแปลงไป จากเวลาหลายเดือน ในการส่งสารนิเทศ
และต้องใช้คนเดินทางไปกับสารนิเทศ กลายเป็นใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงด้วยการส่งโทรเลข หรือโทรศัพท์โดย ไม่ต้องใช้คน
และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการปรับปรุงพัฒนาระบบโทรคมนาคม
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสื่อสารนิเทศจากหนังสือ เป็นวัสดุประเภทอื่น ๆ และแม้แต่จำนวนหนังสือเอง ก็มีการเพิ่มปริมาณ
มากอย่างมหาศาลตามพัฒนาการของอุตสาหกรรม การพิมพ์ ความจำเป็นในการศึกษาวิชาที่เกี่ยวข้องกับสารนิเทศจึงมีมากขึ้น กลายมาเป็นวิชาใหม่
ที่แยกไปจากวิชาบรรณารักษศาสตร์ ก่อให้เกิดพัฒนาการวิชาสารนิเทศศาสตร์ขึ้นมาแทนที่
ประเทศสหรัฐอเมริกานับเป็นประเทศแรกที่ก้าวเข้าสู่ยุคสังคมสารนิเทศ เพราะ กิจกรรมหลักทางเศรษฐกิจของสังคม จะอยู่บนพื้นฐานของการบริการ
บุคคลส่วนใหญ่จะทำ งานเกี่ยวกับสารนิเทศในยุคนี้สารนิเทศจะเป็นทรัพยากรหลักของสังคม แทนที่จะเป็นเงิน ทุนอย่างเช่นยุคอุตสาหกรรม
สมาชิกของสังคมจะหันมาผลิตความรู้ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิต การแข่งขัน และความสำเร็จทางเศรษฐกิจ (ประทุม ฤกษ์กลาง, 2531, หน้า 30) และยุค
ของสังคมสารนิเทศได้เริ่มขึ้นแล้วในอีกหลาย ๆ ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ เป็นต้น
ในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ยุคสังคมสารนิเทศ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศญี่ปุ่น มีอัตราการขยายตัวของบุคลากร
ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสารนิเทศสูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1980 เป็นต้นมา โดยมีสถิติว่าจำนวนบุคลากรที่
เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสารนิเทศมีแนวโน้มสูงมากกว่าบุคลากรในสาขาอุตสาหกรรม สาขาเกษตรกรรม หรือแม้แต่สาขา งานบริการ (Dordick, 1986, p. 9)
แสดงให้เห็นว่า ทั้งประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศญี่ปุ่น กำลังอยู่ในยุคอุตสาหกรรม ของสังคมข่าวสาร
ซึ่งนับวันจะมีบทบาทมากยิ่งขึ้นกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆในประเทศ
|
|