สมเด็จพระมหินทราธิราช
สมเด็จพระมหินทราธิราช |
|
---|---|
พระบรมนามาภิไธย | พระมหินทร์ |
พระปรมาภิไธย | สมเด็จพระมหินทราธิราช |
ราชวงศ์ | ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
ครองราชย์ | พ.ศ. 2111 - 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 |
ระยะครองราชย์ | 1 ปี |
รัชกาลก่อนหน้า | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
รัชกาลถัดไป | สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช |
ข้อมูลส่วนพระองค์ | |
พระราชสมภพ | พ.ศ. 2082 |
สวรรคต | พ.ศ. 2112 |
พระราชบิดา | สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ |
พระราชมารดา | สมเด็จพระศรีสุริโยทัย |
พระราชโอรส/ธิดา | เจ้าฟ้าหญิงพิจิตรจินดา |
สมเด็จพระมหินทราธิราช พระนามเดิม พระมหินทร์ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 16 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สอง ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กับสมเด็จพระสุริโยทัย เสด็จพระราชสมภพ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2082 มีพระเชษฐาคือ พระราเมศวร ผู้เป็นพระมหาอุปราช มีพระเชษฐภคินีคือ พระบรมดิลก และพระขนิษฐาสองพระองค์คือ พระสวัสดิราช (พระวิสุทธิกษัตรีย์) กับพระเทพกษัตรี
[แก้] พระราชประวัติและราชการสงคราม
หลังสงครามกับพม่าเมืองหงสาวดีที่เรียกว่าสงครามช้างเผือก ยุติลงในปี พ.ศ. 2107 พระมหินทร์ซึ่งเป็นพระมหาอุปราชต่อจากพระราเมศวร ได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ซึ่งเสด็จออกผนวช สมเด็จพระมหินทราธิราชทรงคลางแคลงพระทัยในความจงรักภักดีของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชแห่งเมืองพิษณุโลกที่ไปยอมอ่อนน้อมต่อหงสาวดี จึงสมคบกับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งล้านช้างร่วมกันตีพิษณุโลกแต่ไม่สำเร็จ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2111 สมเด็จพระมหินทราธิราชรั้งราชการไม่ไหว ได้ทูลขอให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาบวช แล้วขึ้นครองราชสมบัติอีกครั้งเพื่อเป็นจอมทัพเตรียมรับศึกหงสาวดี โดยพระเจ้าบุเรงนอง ได้ยกกองทัพเจ็ดกองทัพ มาทำสงครามกับกรุงศรีอยุธยาโดยมีทัพพระมหาธรรมราชาร่วมด้วย กองทัพหงสาวดียกเข้ามาทางด่านแม่ละเมา แล้วเข้าตีหัวเมืองทางเหนือ เพื่อตัดกำลังไม่ให้ส่งกองทัพเข้ามาช่วยกรุงศรีอยุธยา จากนั้นจึงได้เข้าปิดล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้
ในระหว่างการศึก สมเด็จพระมหาจักรพรรดิประชวรและเสด็จสวรรคตระหว่างถูกปิดล้อมกรุงอยู่ สมเด็จพระมหินทราธิราช จึงได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา ทัพหงสาวดีล้อมกรุงศรีอยุธยาอยู่ได้ห้าเดือน ยังไม่สามารถตีหักเข้าไปได้ พระเจ้าบุเรงนองจึงออกอุบายเกลี้ยกล่อมให้สมเด็จพระมหินทราธิราช ยอมเป็นไมตรี โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือขอตัวพระยาราม ผู้มีความสามารถรับผิดชอบการรักษาพระนครอย่างเข้มแข็ง สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงยินยอมมอบตัวพระยารามแก่พม่า แต่ทางพระเจ้าบุเรงนองกลับตระบัดสัตย์ ไม่ทำตามข้อตกลง และเร่งยกกำลังเข้าตีกรุงศรีอยุธยาหนักขึ้น
ขณะนั้นใกล้ฤดูน้ำหลาก แต่พม่าก็ยังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาได้ จึงได้เกลี้ยกล่อมให้พระยาจักรีซึ่งทางหงสาวดีขอตัวไปพร้อมกับ พระราเมศวรในสงครามกับพม่าครั้งก่อน เข้าเป็นไส้ศึกในกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงเห็นว่าพระยาจักรีเคยเป็นแม่ทัพ ที่มีความสามารถในการศึกกับพม่าครั้งก่อน จึงทรงโปรดให้เป็นผู้จัดการป้องกันพระนคร ทัพพม่าจึงตีหักเข้าพระนครได้ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2112 หลังจากล้อมพระนครไว้ถึงเก้าเดือน
พม่าเข้ายึดทรัพย์สิน และกวาดต้อนผู้คนกลับไปพม่าเป็นจำนวนมาก รวมทั้งสมเด็จพระมหินทราธิราช พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางน้อยใหญ่ ก็ได้นำไปกรุงหงสาวดีด้วย และพระเจ้าบุเรงนองได้ทรงตั้งให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราชปกครองกรุงศรีอยุธยาในฐานะประเทศราชของหงสาวดีต่อไป
สมเด็จพระมหินทราธิราช ทรงพระประชวรและเสด็จสวรรคตระหว่างทาง เมื่อปี พ.ศ. 2112 พระชนมายุได้สามสิบพรรษา ครองราชย์ได้ 1 ปี (บางพงศาวดารกล่าวว่า ทรงกระทำการขุ่นเคืองแก่พระเจ้าบุเรงนอง จึงถูกสำเร็จโทษด้วยการถ่วงน้ำที่เมืองสระถุง)
[แก้] ดูเพิ่ม
สมัยก่อนหน้า | สมเด็จพระมหินทราธิราช | สมัยถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ราชวงศ์สุพรรณภูมิ |
พระมหากษัตริย์ไทย อาณาจักรอยุธยา (2111 - 2112) |
สมเด็จพระมหาธรรมราชา ราชวงศ์สุโขทัย |
|
|