ทางช้างเผือก (THE MILKY
WAY)
ในบรรดากาแล็กซีจำนวนมากที่รวมกันเป็นเอกภพนั้น
มีอยู่กาแล็กซีหนึ่งที่เรารู้จักกันดีที่สุด นั่นคือ ทางช้างเผือก
เนื่องจากเป็นกาแล็กซีที่เราตั้งรกรากอยู่
และเนื่องจากว่าทางช้างเผือกนี้มีส่วนปลายด้านหนึ่งเป็นแนวราบซึ่งเป็นที่อยู่ของดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์ทั้งหลายที่เป็นดาวบริวาร
ทำให้เราได้แต่เฉพาะด้านข้างของมันเมื่อมองไปบนฟ้าในเวลากลางคืน
และจะแลเห็นมันเป็นเหมือนแถบสีขาวสว่างสุกใสแถบหนึ่งพาดอยู่บนฟากฟ้าจากข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง
ประวัติ
(HISTORY อริสโตเติล
(Aristotle)
คิดว่าแถบสีขาวที่พาดข้ามฟ้าเป็นความปั่นป่วนอย่างหนึ่งของบรรยากาศในคริสต์ศตวรรษที่
17 เมื่อมีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ขึ้นได้เป็นครั้งแรกแล้วนั้น
กาลิเลโอก็ได้พบว่าแถบสีขาวนี้แท้ที่จริงประกอบขึ้นด้วยดาวฤกษ์จำนวนมากและไม่ได้เป็นปรากฎการณ์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบรรยากาศของโลกเราเลยแม้แต่น้อย
ต่อมาก็ได้มีการค้นพบดาวฤกษ์ใหม่ ๆ ทีละดวงสองดวง และตั้งแต่นั้นมา
คำว่าทางช้างเผือก (the Milky Way) ก็มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่าเอกภพ (the
Universe) แต่ครั้นถึงคริสต์ศตวรรษที่ 20
อันเป็นยุคที่มีการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ใหม่
กลับพบว่ามีหมู่ของดาวฤกษ์ (Clusters of Stars) อื่น ๆ
ที่อยู่ห่างไกลออกไปอีกเป็นจำนวนมหาศาล นั่นคือกาแล็กซีใหม่จำนวนมาก
ดังนั้นเอกภพจึงไม่ใช่เป็นแค่ทางช้างเผือกอีกต่อไป
แต่มันคือที่รวมของกาแล็กซีต่าง ๆ
รวมทั้งกาแล็กซีของเราด้วย
รูปร่างของกาแล็กซีของเรา
(THE SHAPE OF OUR
GALAXY) เมื่อเรามองทางช้างเผือก
เราจะแลเห็นว่ามันเป็นรูปแถบยาวแถบหนึ่ง
แต่นั้นเป็นแต่สิ่งที่เราเห็นด้วยตา เพราะว่าเราอยู่ในระนาบเดียวกัน
ที่จริงแล้วทางช้างเผือกเป็นกาแล็กซีรูปเกลียวก้นหอย (spiral)
ที่ตรงกลางมีรูปคล้ายเลนส์หรือจานแบนใบหนึ่งและมีแขนยื่นออกมาจากส่วนกลางนั้น
4 แขน ดวงอาทิตย์และโลกของเราอยู่ตรงปลายสุดของ 1 ใน 4
แขนนี้
วิวัฒนาการของทางช้างเผือก
(EVOLUTION OF THE MILKY WAY)
ดูเหมือนว่าทางช้างเผือกนั้นแต่เดิมเป็นกาแล็กซีรูปทรงกลมที่หมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วต่ำ
ต่อมาเมื่อสสารระหว่างดวงดาวตรงใจกลางมีมากขึ้นทำให้มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นและความเร็วในการหมุนรอบตัวเองก็เพิ่มขึ้นด้วย
เป็นเหตุให้มันค่อย ๆ
แผ่เบนออกกลายเป็นรูปจานอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
และเพราะว่ามีดาวฤกษ์ได้ก่อตัวขึ้นตรงบริเวณชายขอบจานทำให้เกิดเป็นแขนหลายแขนยื่นออกมา
จนในที่สุดก็เกิดเป็นรูปเกลียวก้นหอยรูปหนึ่งที่มีแขน 4 แขน
กระบวนการนี้กินเวลาประมาณ 10,000 ล้านปี
ใจกลางของทางช้างเผือกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ
15,000 ปีแสง และมีความหนาราว 2,000 ปีแสง
มีการคำนวณกันว่าทางช้างเผือกประกอบขึ้นด้วยดาวฤกษ์ประมาณ
300,000 ดวง
ดาวทุกดวงที่เรามองเห็นด้วยตาเปล่าเป็นส่วนหนึ่งของกาแล็กซีของเรา
|