นกอัลบาทรอส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
นกอัลบาทรอส
ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่: Oligocene–recent
Oligocene–recent
Short-tailed Albatross (Phoebastria albatrus)
การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์
อาณาจักร: Animalia
ไฟลัม: Chordata
ชั้น: Aves
ชั้นย่อย: Neornithes
Infraclass: Neoaves
อันดับ: Procellariiformes
วงศ์: Diomedeidae
G.R. Gray 1840[1]
Genera

Diomedea
Thalassarche
Phoebastria
Phoebetria

การแพร่กระจายพันธุ์ (สีฟ้า)

นกอัลบาทรอส (อังกฤษ: Albatross) มีชนิดอยู่ด้วยกันราว 20 ชนิด อย่างเช่นชนิด Wandering albatross ที่มีปีกยาวถึง 3.35 เมตร นกอัลบาทรอสบิินได้ไกลและนานกว่าสัตว์อื่นๆ ในตะกูลนก การติดตามโดยใช้ดาวเทียม นกอัลบาทรอสบางตัวใช้เวลาบินรอบโลกไม่ถึง 2 เดือน และสามารถลอยตัวอยู่บนอากาศได้นานถึง 6 วัน โดยไม่ต้องกระพือปีกเลย

ใน บทกวีของกะลาสีชรา (The Rime of the Ancient Mariner) ซึ่งเป็นบทกวีที่ซามูเอล เทย์เลอร์ โคเลอริดจ์ ได้สร้างความเชื่อที่ว่า การฆ่านกอัลบาทรอสจะนำความโชคร้ายมาให้ แต่ในความเป็นจริงกะลาสีเรือชาวอังกฤษฆ่าและกินพวกมันอยู่เป็นประจำ แถมยังเอากระดูกมาทำกล้องยาสูบและเอาเท้ามาทำกระเป๋าเงินอีกด้วย

ทีมนักวิจัยจาก National Centre for Scientific Research (CNRS-CEBC) ของฝรั่งเศส และ Helmholtz-Centre for Environmental Research (UFZ) ของเยอรมนี ได้นำข้อมูลการหาอาหารและสืบพันธุ์ของนกอัลบาทรอสที่สะสมไว้ยาวนานถึงกว่า 20 และ 40 ปี มาวิเคราะห์ ผลปรากฏว่านกอัลบาทรอสใช้เวลาในการบินออกหาอาหารน้อยลง จากที่ใช้เวลาประมาณ 12.4 วันต่อหนึ่งเที่ยวในปี 1970 ลดลงเหลือแค่ 9.7 วันในปี 2008 เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้จากการติดเครื่องส่งสัญญาณบนตัวนก ระยะทางการหาอาหารของนกไม่ได้เพิ่มหรือลดลงมากนัก คืออยู่ที่ประมาณ 3,500 กม. เหมือนเดิม แต่มีการเปลี่ยนเส้นทางไปบ้าง นกอัลบาทรอสมุ่งลงไปหาอาหารแถวขั้วโลกใต้ซึ่งมีลมแรงมากขึ้น นั่นแปลได้ว่านกอัลบาทรอสบินได้เร็วขึ้น และสาเหตุที่นกบินได้เร็วขึ้นก็เนื่องมาจากอุณหภูมิของมหาสมุทรซีกโลกใต้ที่เพิ่มขึ้น เป็นประโยชน์ให้นกอัลบาทรอสได้อาศัยลมที่แรงขึ้นในการพยุงตัวร่อนไปตามลม การที่นกบินได้เร็วกว่าเดิม ทำให้แม่นกกลับมาป้อนอาหารให้ลูกนกได้ถี่ขึ้น เป็นการเพิ่มจำนวนประชากรนกอย่างอ้อมๆ

ในปี ค.ศ. 1970 มีลูกนกเพียง 66% เท่านั้นที่ฟักเป็นตัว นอกนั้นตายตั้งแต่ยังไม่ได้ออกจากไข่ แต่ในปี ค.ศ. 2008 มีลูกนก 77% รอดออกมาดูโลกได้ ไม่ใช่แค่ลูกนกจะรอดเพิ่มขึ้นเท่านั้น นกอัลบาทรอสตัวเต็มวัยก็มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 10-12% ด้วย (ประมาณ 1 กิโลกรัม) คาดว่าคงเป็นการปรับตัวเพื่อให้บินในสภาวะลมแรงได้ดีขึ้น เมื่อกางปีกออกจนสุด นกอัลบาทรอสเป็นนกทะเลที่มีวงปีกกว้างที่สุดในโลก ปัจจุบันคาดว่ามีประชากรนกที่สืบพันธุ์ได้ประมาณ 8,000 คู่ ประชากรนกอัลบาทรอสมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการประมงที่ไปแย่งอาหารของนกอัลบาทรอส (ปลาและหมึกทะเล) [2] [3] [4] [5]

[แก้] การอยู่อาศัย

ภาพนกอัลบาทรอสกำลังโบยบินในอะแลสกาโดย NOAA ในปี ค.ศ. 1997

นกอัลบาทรอสจะอาศัยตามเกาะเล็กเกาะใหญ่และตามแหล่งน้ำแต่ละที่ ดังนี้

[แก้] ชนิด

ภาพนกอัลบาทรอสในวารสาร "O Panorama" ในปี ค.ศ. 1837

[แก้] อ้างอิง

  1. ^ Brands, Sheila (14 August 2008). "Systema Naturae 2000 / Classification - Family Diomedeidae". Project: The Taxonomicon. Archived from the original on 16 June 2009. http://web.archive.org/web/20090616173813/http://www.taxonomy.nl/Main/Classification/51470.htm. เรียกข้อมูลเมื่อ 17 February 2009. 
  2. ^ Science DOI: 10.1126/science.1210270
  3. ^ Discovery News
  4. ^ PhysOrg
  5. ^ sciencenow


Commons:Category
คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่น ๆ เกี่ยวกับ:
นกอัลบาทรอส
เครื่องมือส่วนตัว

สิ่งที่แตกต่าง
การกระทำ
ป้ายบอกทาง
มีส่วนร่วม
พิมพ์/ส่งออก
เครื่องมือ
ภาษาอื่น