|
370.28 รวมบทความทางการศึกษา
อะไรคือการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี
ดร.พนม พงษ์ไพบูลย์
ในฐานะที่เป็นนักการศึกษามีความชื่นชมยินดีที่ได้เห็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2540 ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับ กำหนดไว้ในมาตรา 43 ว่า
"บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐ
จะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย" มาตรานี้มีความหมายมาก
เพราะแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ที่จะให้คนไทย ทุกคนมีการศึกษาพื้นฐานมากถึงสิบสองปี นอกจากนี้
รัฐธรรมนูญยังกำหนดไว้อีกว่า จะต้อง ดำเนินการให้บรรลุผลภายในเวลาห้าปี นั่นคือปี พ.ศ. 2545
เป็นปีเป้าหมาย ถ้านับจากบัดนี้ก็เหลือเวลาอีกสี่ปี ไม่ใช่ห้าปี
เมื่อได้การศึกษาพื้นฐานสิบสองปีสำหรับทุกคน ก็เริ่มมีคำถามและคำวิพากษ์วิจารณ์ตามมา
คำถามที่สำคัญคือ การศึกษาพื้นฐานสิบสองปีหมายถึง การศึกษาตั้งแต่ชั้นใดถึงชั้นใด และคำว่าไม่
เก็บค่าใช้จ่ายหมายความว่าอย่างไร จึงอยากใช้โอกาสนี้แสดงความเห็นเรื่องการศึกษาสิบสองปี
ทั้งนี้มิได้มีเจตนาจะโต้แย้งกับผู้ใด แต่อยากมีส่วนช่วยให้ประชาชนชาวไทยได้รับประโยชน์สูงสุด
ตามเจตนาของรัฐธรรมนูญ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาที่จำเป็น ที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้ผู้เรียนมีพื้นและ
ฐานที่แข็งแรงมั่นคง เพียงพอ กับการ
(1) ดำรงชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า
(2) อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดี มีชีวิตอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
(3) สามารถประกอบการงานอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ และ
(4) สามารถพัฒนาตนเองให้เจริญก้าวหน้า ตลอดจนมีส่วนร่วมกับผู้อื่นในการพัฒนา
ชุมชน สังคม และประเทศชาติ และมีสิ่งใดบ้างที่จะสร้างพื้นฐานให้ครบถ้วนทั้งสี่ด้านนี้ได้ คือ
เป้าหมายที่ต้องการให้คนได้รับและเกิดขึ้นก็คือ การวางพื้นฐานชีวิตด้วยการศึกษาภายในเวลา
สิบสองปีนั่นเอง
ถ้าพิจารณาพื้นฐานชีวิตทั้งสี่ประการโดยส่วนรวมแล้ว พื้นฐานที่สำคัญและจำเป็นมาก
ที่สุด คือความเป็นคนดี คำนี้พูดง่าย แต่มีความหมายกว้างไกล เป็นพื้นฐานชีวิตที่สำคัญมากทั้งชีวิต
ที่เป็นตัวของตัวเองและชีวิตที่จะต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น สังคมจะสงบมีสันติสุขก็ด้วยพื้นฐานของ
ประชากรที่เป็นคนดี คือเป็นคนมีศีล มีจริยธรรม และมี คุณธรรมสิบสองปีของการศึกษาพื้นฐาน
ถ้าสามารถทำให้ทุกคนที่ได้รับการศึกษาเป็นคนดีได้ ย่อมช่วยให้ประเทศเจริญก้าวหน้าอย่าง
แน่นอน
นอกจากพื้นฐานความเป็นคนดี ต้องมีพื้นฐานทางความรู้และทักษะที่เป็น ประโยชน์กับ
ตนและประเทศชาติให้เพียงพอ คือ เพียงพอเพื่อการดำรงชีวิตและพัฒนาชีวิตให้ดีต่อไปในภายหน้า
ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่นปัจจุบันพื้นฐานความรู้ความสามารถดูจะเป็นเรื่อง
สำคัญและเรื่องใหม่สำหรับทุกคน ไม่ใช่สำหรับคนบางคนอีกต่อไป ทักษะพื้นฐานที่สำคัญคือ พื้นฐาน
ด้านการติดต่อ สื่อสาร ได้แก่ การพูด การฟัง การอ่าน การเขียน ทั้งภาษาแม่คือภาษาไทยและภาษา
ต่างประเทศ ในสมัยต้นอดีต 20-30 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปัญหาคนไม่รู้หนังสือมาก สมัยปัจจุบัน
จำนวนผู้ไม่รู้หนังสือมีน้อย แต่ปัญหาการใช้ภาษาที่ถูกต้อง เหมาะสมกลับมีมากขึ้น การสร้างทักษะ
ทางภาษาและการติดต่อสื่อสารที่เพียงพอ จะช่วยให้คนมีความเข้าใจกันง่ายและดีขึ้นทั้งในประเทศ
และระหว่างประเทศ
มีความรู้และทักษะอีกหลายอย่างที่จำเป็นต้องปลูกฝัง และสามารถทำได้ด้วยการศึกษา
เช่น การคิดคำนวณ ความเข้าใจในสังคมวัฒนธรรมของตนเอง การทำมาหากินและเรื่องวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี เป็นต้น ตลอดเวลาสิบสองปีของการศึกษาขั้นพื้นฐานจะต้องมุ่งปลูกฝังให้เกิดกับ
ทุกคนได้อย่างทั่วถึง และมี คุณภาพคือ สามารถนำไปใช้ได้เพื่อความก้าวหน้าของตนเองและสังคม
ประเทศชาติ
เรื่องพื้นฐานความรู้ความสามารถที่จำเป็นคงมีรายละเอียดอีกมากหลาย ถ้ากล่าวต่อไป
เกรงจะยาวความ เพราะเจตนาของเรื่องนี้ต้องการกล่าวถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า ควรเริ่มที่ใด
และจบสิ้นที่ใดเป็นสำคัญ จึงขอนำมาพิจารณาความสำคัญของการศึกษาแต่ละระดับในส่วนที่จะเป็น
การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ดูจะเข้าใจตรงกันว่าประถมศึกษาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะ
ประถมศึกษาเป็นการศึกษาขั้นต้นที่มุ่งปูรากฐานของชีวิตในทุก ๆ ด้านตามที่กล่าวมาในตอนต้น
ชื่อของประถมศึกษาก็บอกความหมายอยู่ในตัวอยู่แล้ว ประเทศไทยกำหนด การศึกษาขั้นประถม
ศึกษามี 6 ปี การให้ทุกคนได้เรียนชั้นประถมศึกษาแบบการศึกษาภาคบังคับ ก็เท่ากับว่าทุกคน
ได้รับการศึกษาพื้นฐานหกปีแล้วเป็นอย่างน้อย ข้อพิจารณาที่เหลือจึงอยู่ที่ว่าอีกหกปีคือการศึกษา
ชั้นใดระดับใด
มีการศึกษาอีกระดับหนึ่งที่ยอมรับกันทั่วไปว่าเป็นการศึกษาพื้นฐานเพื่อปวงชน คือ
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งมีอยู่สามปี เมื่อพุทธศักราช 2533 มีการประชุมระดับ โลกใน
ประเทศไทย ในหัวข้อว่า "การศึกษาพื้นฐานสำหรับปวงชน" ภาษาอังกฤษว่า Education For
All ในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพได้ประกาศเจตนารมณ์ว่าจะจัดการศึกษา
ขั้นพื้นฐานสำหรับชนชาวไทย ให้ถึงขั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เป็นอย่างน้อย นักการศึกษาใน
ประเทศไทยจึงพยายามทำให้มัธยมศึกษาตอนต้นเป็นการศึกษาสำหรับปวงชนตั้งแต่นั้นมา
มัธยมศึกษาตอนต้นมีสามปี รวมกับประถมศึกษาหกปีเป็นเก้าปีและเป็นเก้าปีของการศึกษา
พื้นฐานที่ยอมรับกันทั่วไป
ปัญหาเหลืออยู่ว่า อีกสามปีที่เหลือหมายถึงการศึกษาชั้นใด จากการสำรวจของ
หลายฝ่าย ผลก็ออกมาตรงกันว่าคนส่วนใหญ่อยากเห็นมัธยมศึกษาตอนปลายเป็น การศึกษา
ขั้นพื้นฐาน คือเป็นการศึกษาที่จำเป็นที่ทุกคนจักต้องได้เรียน รัฐจักต้องจัดให้ และจัดให้โดย
ไม่เก็บค่าใช้จ่าย แต่มีคนจำนวนหนึ่งทักว่า ถ้ารัฐถือว่ามัธยมศึกษาตอนปลายเป็นการศึกษา
พื้นฐานเพื่อปวงชน รัฐจะต้องลงทุนจัดการศึกษาอีกมหาศาล จะต้องใช้งบประมาณและทรัพยากร
เป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะทำไม่ได้ จึงชักชวนให้ไปพิจารณากำหนดว่าอนุบาลศึกษาสามปี
เป็นการศึกษาพื้นฐานเพื่อปวงชนแทน และกล่าวว่าที่ชักชวนให้พิจารณาอนุบาลศึกษา
เพราะอนุบาลเป็นการศึกษาพื้นฐานที่สำคัญ เด็ก พัฒนาหลาย ๆ ด้าน เริ่มต้นในระดับนี้
เริ่มนับการศึกษาพื้นฐานที่ประถมศึกษาจะเป็นการ ช้าเกินไป และไม่สอดคล้องกับพัฒนาการ
ของเด็ก
อนุบาลศึกษาเป็นการศึกษาที่ต่างจากการศึกษาระดับอื่น ในแผนการศึกษาแห่งชาติ
ฉบับที่เคยใช้มาก่อนแผนการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบัน ไม่กำหนดให้ชั้นอนุบาลเป็นส่วนหนึ่ง
ของระบบการศึกษา การศึกษาชั้นอนุบาลเป็นการศึกษาที่เน้นการพัฒนา ทางด้านร่างกายและ
อารมณ์ของเด็กเป็นสำคัญ ดังนั้นระดับอนุบาลจึงยังไม่ให้ความ สำคัญกับการเรียนรู้ในทักษะ
พื้นฐานอื่น ๆ โดยเฉพาะการสร้างทักษะทางปัญญาจะทำน้อยที่สุด การส่งเสริมความงอกงาม
ทางร่างกายและอารมณ์ที่ดีนั้น ควรเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่อยู่ใกล้ชิดเด็กอนุบาลศึกษา
จึงไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานที่รัฐจะต้องจัดให้ทุกคนได้เรียน แต่ควรเป็น
เรื่องที่รัฐจะสนับสนุนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองและหรือชุมชนได้ช่วยกันเลี้ยงดูเด็กให้เจริญงอกงาม
จึงจะเหมาะสมกว่า
การพิจารณาการศึกษาขั้นพื้นฐาน คือการศึกษาที่จำเป็นตามที่กำหนดใน กฏหมาย
รัฐธรรมนูญ จริงๆ แล้วไม่ควรนำประเด็นค่าใช้จ่ายมาเป็นตัวกำหนด ตัวกำหนด ที่จำเป็นจริง ๆ
คือ อะไรเป็นพื้นฐานที่จำเป็นและควรให้มากน้อยถึงระดับใด ถ้าพิจารณา โลกในสภาพปัจจุบัน
ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ เป็น พื้นฐานที่จำเป็นยิ่ง ความรู้และ
ทักษะเหล่านี้ ต้องการพื้นฐานระดับต้นพอสมควร ถ้าไม่กำหนดให้มัธยมศึกษาตอนปลายเป็น
การศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อปวงชนแล้ว ก็เป็นการยากที่คนไทยจะมีพื้นฐานเพียงพอที่จะเผชิญโลก
เผชิญชีวิตทัดเทียมกับนานาประเทศ ถึงแม้ ว่าค่าใช้จ่ายจะสูงก็ยังเป็นความจำเป็นที่จะต้องลงทุน
เพื่อคุณภาพของประชากรในชาติ
สรุปว่าการศึกษาพื้นฐานสิบสองปี ถ้าจะแปลความให้เกิดประโยชน์กับทุกคนในชาติ
ควรหมายถึง การศึกษาที่เริ่มจากชั้นประถมศึกษาจนถึงชั้นมัธยมศึกษาบริบูรณ์ อีกทั้งยังสอดคล้อง
กับพระบรมราชโองการที่ประกาศเป็นแผนการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2535 ที่ว่า "ให้มัธยม
ศึกษาเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐานของปวงชน" 13 กรกฎาคม 2541
แหล่งที่มา
พนม พงษ์ไพบูลย์. (2553).
อะไรคือการศึกษาพื้นฐาน 12 ปี . ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 23, 2553, จาก
http://www.moe.go.th/web-panom/article-panom/article18.htm
|
|