|
370.28 รวมบทความทางการศึกษา
โลกธรรม 8 กับผม
ดร.พนม พงษ์ไพบูลย์
มีท่านผู้รู้ในพุทธศาสนาหลาย ๆ ท่าน ให้คำจำกัดความของคำว่า ธรรมะ แตกต่างกัน เมื่อเป็นเด็กเราเรียนรู้ว่า พระธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า แต่ในปัจจุบันนี้ เราได้ความหมายใหม่อีกหลากหลาย เช่น ธรรม คือ ชีวิต ธรรม คือหน้าที่ หรือ ธรรม คือ ธรรมชาติ สำหรับผมนั้น ผมพิจารณาแล้วก็บอกกับตัวเองว่า ธรรม คือ คำสอนที่เป็นเหตุผลของพระพุทธเจ้าในเรื่องที่เป็นจริง อันประมวลมาจากความเป็นจริงตามธรรมชาตินั่นเอง
หนึ่งในคำสอนที่เป็นจริงหรือสัจจธรรมของพระพุทธเจ้าที่ผมสนใจที่สุด คือ เรื่องของ โลกธรรม 8 ที่สนใจมากก็เพราะการดำเนินชีวิตของผมมักจะสัมผัสกับเรื่องของโลกธรรม 8 อยู่เสมอ
หลังจากจบการศึกษาปริญญาเอกจากต่างประเทศ โดยทุนรัฐบาล ผมก็เข้ารับราชการ แต่ชีวิตราชการของผมไม่เรียบง่าย ค่อยเป็นค่อยไป หรือทำงานอยู่ที่เดียวเหมือนข้าราชการทั่วไป จะเป็นเพราะกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ที่ (น่าจะ) ดีของผมก็ไม่ทราบ ผมประสบความก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิตการทำงานที่ออกจะเร็วกว่าเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ผมก็ "ไม่เป็น" ในเรื่องการประจบสอพลอ เพื่อให้เจริญโดยทางลัดหรือเจริญเร็ว และก็ไม่คิดว่าตัวเองเก่งหรือดีวิเศษกว่าคนอื่น เพียงแต่ผมทุ่มเทกำลังความคิดให้กับการทำงานอย่างเต็มที่และตั้งอยู่บนความสุจริตเท่านั้น ผมมีความโชคดีหรือจังหวะดีในการงาน อย่างไม่คาดก็หลายครั้ง ผมทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาตินานหน่อย ตั้งแต่บรรจุเป็นนักวิชาการศึกษา 4 ไปจนเป็น "เจ้าสำนัก" หรือเลขาธิการ แล้วก็ย้ายไปอยู่กระทรวงศึกษาธิการ ไม่ถึง 10 ปี เป็นเจ้ากรม ถึง 4 กรม แล้วก็เป็นรองปลัดกระทรวงและท้ายที่สุดก็เป็นปลัดกระทรวง อยู่ในขณะนี้ ชีวิตที่ผมว่ามานี้ ทำให้ผมได้รู้จักและเรียนรู้ผู้คนมากมาย ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา และผู้ใต้บังคับบัญชา และโดยที่ผมเป็นผู้บริหารสูงสุด ก็เป็นธรรมดาอยู่ ที่ผมจะได้รับโลกธรรม 8 ประการที่ว่า นั่นก็คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข สำหรับลาภนั้น ถ้าหมายถึงเงินเดือนผมก็ย่อมสูงสุด และที่เป็นลาภสักการะก็มีมากมาย ทั้ง ๆ ที่ก็ห้ามก็ปรามเป็นลายลักษณ์อักษร เป็นคำสั่งไว้แล้วว่าไม่ให้ใครเอาอะไรมาให้เพื่อเป็นสินบนหรือเพื่อหวังประโยชน์ให้ผมตอบแทนในทางที่ผิด แต่ก็ห้ามยากมาก ตั้งใจจะมาเสียอย่างก็มา และมาฝากไว้ วางไว้เฉย ๆ ก็มี ต้องมาเสียเวลาใช้วิจารณญาณ วิเคราะห์ดู แยกแยะดูว่าสิ่งเหล่านั้น มี "ที่มา" อย่างไร บางอย่างเป็นเพราะความเคารพนับถือ ความรักใคร่ผูกพัน หรือระลึกถึงบุญคุณด้วยความจริงใจ ในฐานะลูกน้องเก่าบ้าง ศิษย์เก่าบ้าง ลูกหลาน ญาติมิตรบ้าง เพื่อน ๆ บ้าง บางอย่างก็เป็นเพราะความอยากได้ อยากมี อยากเป็นของผู้ให้ อยากได้ซีสูงขึ้น อยากได้ตำแหน่ง อยากย้ายไปอยู่ที่ดี ๆ ไม่อยากให้ถูกลงโทษ หรือให้ลงโทษน้อยหน่อย ถ้ามีความผิดและกำลังถูกสอบสวน ของที่ได้รับจากคนทั้งสองกลุ่มมักจะเป็นพระเลี่ยมทอง ผ้าไหม เหล้า ไวน์ ผลไม้ เสื้อกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ กระเช้าปีใหม่ เออหนอ... ของดีมีค่าทั้งนั้น ถามใจตัวเองว่า อยากได้ไหม ก็ตอบตัวเองตรง ๆ ว่า หลาย ๆ อย่างมีแล้วไม่อยากได้ แต่บางอย่างอยากได้ เช่น เสื้อกอล์ฟตัวที่เข้าท่าถูกใจ แต่ก็บอกตัวเองว่าถูกใจแต่คงไม่สบายใจถ้าคิดถึง "ที่มา" ฉะนั้นวิธีดำเนินการของผมก็คือ ถ้ามี "ที่มา" ดีจะรับไว้แล้วก็แบ่งไปให้ผู้อื่นเช่น กระเช้าปีใหม่ซึ่งมีมากมาย รับแล้ว จะมอบให้ทุกกองในกรมหรือนำไปถวายพระ (แต่ต้องระวังไม่เวียนเอาของนั้นไปมอบกับเจ้าของเดิม) หรือถ้ามี "ที่มา" ดีแต่เป็นของมีราคามากไปก็จะรับแล้วมอบคืนเจ้าของ ถ้ามี "ที่มา" ไม่ดีก็ไม่รับ และคืนไป ถ้าคืนไม่ได้ก็จะแจกคนอื่นที่เขาไม่มี หมดเรื่องกันไป
พูดถึงยศ ผมก็ได้ยศสูงสุดแล้ว พอพูดถึงสรรเสริญ ก็อีกนั่นแหละ ผมได้รับคำสรรเสริญต่อหน้าจนเกือบจะชาชิน จริงบ้าง ใส่น้ำผึ้งมากเกินไปบ้าง เพราะไม่มีใครหรอกที่จะตำหนิติเตียนผู้ใหญ่ต่อหน้าต่อตา แต่ผมก็ไม่มานั่งแยกว่าใครสรรเสริญเท็จหรือจริงให้เสียเวลา สำหรับเรื่องของสุขหรือ ความสุขนั้น ผมกล่าวได้แบบมนุษย์ปุถุชนว่า ผมมีความสุขอยู่ไม่น้อย แน่ละ... ลาภ ยศ สรรเสริญ มีพร้อมและพอเพียงตามอัตภาพแล้ว ความสุขย่อมเกิดขึ้นทุกคน ต่างกันแต่ว่าจะสุขแบบมีสติหรือสุขแบบเพลิดเพลินลุ่มหลง
มาถึงวันนี้ก็อีกไม่กี่เดือนแล้วที่ผมจะได้รับใช้แผ่นดินในฐานะข้าราชการประจำ ผมลองสังเกตพฤติกรรมของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับผม (ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนและผู้ใต้บังคับบัญชาหรือเพื่อนร่วมงาน) ก่อนหน้านี้คนเหล่านี้แสดงความรัก ความเคารพนับถือ รับฟังความคิดเห็นและคำแนะนำของผม ปรารถนาดีและห่วงใยผม หรือพูดง่าย ๆ คือ ดีกับผมแทบทั้งนั้น ซึ่งก็อาจจะมีทั้งด้วยความจริงใจและไม่จริงใจคละเคล้ากันไปเป็นธรรมดา ผมเชื่อว่าไม่มีผู้บริหารคนใดจะทำอะไรถูกใจคนได้ทุกคน แต่ขณะนี้ ผมสังเกตเห็นว่าบางคนเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีต่อผมไปในทางที่เกือบตรงกันข้ามกับสิ่งดี ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ที่ใช้คำว่าเกือบเพราะว่าไม่เปลี่ยนขนาดหน้ามือเป็นหลังมือ หรือขนาดที่เห็นได้ชัดเจน คนดังกล่าวมักจะได้แก่คนที่ผมไม่ให้คุณหรือให้สิ่งที่เขาต้องการและคาดหวังบ้าง หรือเป็นคนที่ผมให้โทษเขาบ้าง ทั้ง ๆ ที่ผมต้องทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ก็ตาม ผมไม่ประหลาดใจหรือเสียใจ เพราะโลกธรรม 8 บอกไว้ว่า มีสรรเสริญก็มีนินทา นินทาถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่ว่ากัน เป็นเรื่องธรรมดาของปุถุชนที่ยังอยู่ ในกระแสโลก บัดนี้ก็ใกล้เวลาของการนินทาแทนการสรรเสริญแล้ว เพราะ ยศ ก็กำลังจะน้อยลง โดยเพิ่มคำว่า อดีตลงไปที่หน้าตำแหน่งปัจจุบัน ลาภ ยังเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนจากเงินเดือนเป็นเงินบำนาญ กบข. สุข ก็ยังคงปกติสุขดีต่อไป
ครับ... ผมไม่เสียใจเลย แต่ในทางตรงกันข้ามผมดีใจและชื่นชมที่เห็นคนส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมที่มีต่อผม ประการแรกผมดีใจและเข้าข้างตัวเองว่าผมคงเป็นคนที่ดีกระมังเขา จึงดีกับผมอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ประการที่สองผมชื่นชมว่าในกลุ่มคนส่วนใหญ่นั้นเป็นคนดี เพราะหลาย ๆ คน ผมก็ไม่เคยให้คุณให้โทษอะไรกับเขาเป็นพิเศษเลย หลายคนผิดหวังในสิ่งที่เขาปรารถนา และขณะนี้สิ่งที่ให้คุณให้โทษที่ผมมีก็กำลังจะหมดไป แต่เขาก็ยังเคารพรัก นับถือผม อาทรห่วงใยผม และปวารณาตัวช่วยเหลือหรือรับใช้ และวางแผนที่จะพบปะหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันต่อไปหลายเรื่องตามที่ ผมเห็นสมควร
ผมเชื่อว่าโลกธรรม 8 คือ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาและทุกข์ แสดงให้เห็นความเป็นจริงของกฎไตรลักษณ์ คือ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องอนิจจังหรือความไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ผมแอบมองโลกธรรม 8 กับชีวิตของผู้อื่นที่เกษียณอายุราชการไปก่อนผมแล้วผมเชื่อว่าอย่างหนึ่งว่า มนุษย์เราอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ เราต้องสัมผัสกับโลกธรรม 8 แต่ถ้าเราทำแต่กรรมดี ยืนอยู่บนความถูกต้อง ความสุจริตมาตลอดชีวิต เมื่อเราสัมผัสกับโลกธรรม 8 เราก็จะเพียงแต่รับรู้ แต่จะไม่รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจใด ๆ เลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุผลและคำตอบอยู่ในตัวเอง
ท่านล่ะ ?
จวนพบกับปรากฏการณ์ของโลกธรรม 8 หรือยัง ?
พนม พงษ์ไพบูลย์
ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
พฤษภาคม 2544
แหล่งที่มา
พนม พงษ์ไพบูลย์. (2553). โลกธรรม 8 กับผม.
ค้นเมื่อ พฤศจิกายน 23, 2553, จาก
http://www.moe.go.th/web-panom/article-panom/article_panom03.htm
|
|