กฎหมายและระเบียบพิธีการศุลกากรที่ผู้เดินทางเข้าออกประเทศไทยทางท่าอากาศยานระหว่างประเทศควรทราบ
มีดังต่อไปนี้
1. ระเบียบว่าด้วยการเดินทางเข้าหรือออกนอกราชอาณาจักร(ฉบับแก้ไข)
2.
การซื้อของจากบริเวณชายแดน
ภาษีอากรเป็นรายได้ที่สำคัญที่สุดของประเทศผู้ชำระภาษีอากรตามหน้าที่โดยถูกต้องจึงมีส่วนร่วมในการทะนุบำรุงและนำความเจริญมาสู่บ้านเมือง
ส่วนผู้ที่ลักลอบหรือหลีกเลี่ยงไม่ชำระภาษีอากรมุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตนนับได้ว่าเป็นผู้บั่นทอนความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชาติเป็นการฉ้อโกงเอา
เปรียบคนอื่นทั้งประเทศผู้ที่ซื้อสินค้าหนีภาษีทั้งที่พึงทราบได้จากราคาที่ต่ำผิดปกติมีส่วนสนับสนุนการลักลอบหรือหลีกเลี่ยงโดยตรงสินค้าหนีภาษีที่
ซื้อไปจึงอยู่ในข่ายที่จะต้องถูกริบตามกฎหมายและอาจถูกดำเนินคดีด้วย
การป้องกันและปราบปรามการลักลอบหนีภาษีเนื่องจากไม่อยู่ในวิสัยที่จะสกัดกั้นมิให้มีการลักลอบข้ามพรมแดนเข้ามาได้เต็มที่จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการอื่นด้วยเช่น
การสืบจับแหล่งเก็บหรือค้าของเถื่อน และตรวจตรา ณ
บางจุดในประเทศตามความเหมาะสมซึ่งบางครั้งอาจก่อให้เกิดความรู้สึกว่า
เกินความจำเป็นไม่สะดวกหรือไม่เป็นธรรมขึ้นได้
กรมศุลกากร
ใคร่ขอความร่วมมือจากท่านได้โปรดเข้าใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่และทำตามข้อแนะนำ
ดังต่อไปนี้ในการซื้อของจากบริเวณชายแดน
|
(1)
สินค้าที่ขายในราคาต่ำกว่าปกติในท้องตลาดทั่วไปมาก
ควรถือไว้ก่อนว่าเป็นสินค้าที่ลักลอบเข้ามาจำหน่ายจึงไม่ควรซื้อสินค้าดังกล่าว
เพื่อช่วยกันขจัดการลักลอบ
และจะได้ไม่เกิดปัญหาขึ้นภายหลัง
(2)
ในกรณีที่จำเป็นต้องซื้อสินค้าจากบริเวณใกล้ชายแดน
และนำติดตัวในการเดินทางไปมาในประเทศ หากซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก
หรือเป็นสินค้าที่มีราคาสูงเช่นวิทยุ โทรทัศน์
และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆให้เรียกใบเสร็จรับเงินจากผู้ขายเป็นหลักฐาน
โดย
ตรวจสอบว่าใบเสร็จรับเงินนั้นๆได้ออกโดยถูกต้องและเป็นไปตามความจริง
(ใบเสร็จของร้านขายจริง)
(3)
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่อาจสงสัยหรือสอบถามเกี่ยวกับของที่ซื้อมาให้แสดงใบเสร็จรับเงินดังกล่าว
(4)
หากมีปัญหาใดๆ เกี่ยวกับการปฎิบัติของเจ้าหน้าที่ศุลกากร
ให้ติดต่อและแจ้งให้ด่านศุลกากร
สำนักงานศุลกากรเขตที่อยู่ใกล้เคียง หรือ
กรมศุลกากรทราบ |
3. การนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
3.1
รถยนต์ขนส่งสินค้าหรือรถโดยสารประจำทาง หากเป็นรถที่จดทะเบียนและได้รับอนุญาตแล้ว
ให้เดินทางเข้าออกได้ตามปกติ
โดยไม่ต้องทำสัญญาประกันทัณฑ์บนหรือยื่นใบขนสินค้าสำหรับตัวรถ
แต่ถ้าเป็นรถที่ยังมิได้ชำระอากรขาเข้าจะต้องยื่นใบขนสินค้าและสัญญาประกันทัณฑ์บน
วางเงินสดหรือหลักทรัพย์ไว้ขณะนำเข้าครั้งแรกให้คุ้มค่าภาษีเสียก่อน
ในครั้งต่อไปให้เข้า-ออกได้ตราบเท่าที่ยังอยู่ในอายุสัญญา
3.2
รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่ผู้เดินทางเข้าออกประจำนำเข้ามาชั่วคราว จะต้องยื่นบัตรอนุญาตที่เรียกว่า
"บัตรอนุญาตให้นำรถยนต์/รถจักรยานยนต์เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว"
(Customs Pass) ต่อด่านศุลกากรที่ประสงค์จะนำเข้า บัตรนี้จัดทำขึ้นเป็น
3 ฉบับ เก็บไว้ที่สำนักงานศุลกากรภาค 1 ฉบับ
ที่ด่านศุลกากรต้นทางนำเข้า 1 ฉบับ และผู้นำเข้าถือไว้ 1 ฉบับ
เพื่อติดไว้กับรถให้ตรวจสอบบัตรนี้มีอายุการใช้งาน 1
ปีนับจากวันได้รับอนุญาต ทุกครั้งที่มีการนำรถเข้าออก
ผู้นำเข้าจะต้องยื่นใบขนสินค้าพิเศษพร้อมสำเนา 1 ฉบับ
ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบกับบัตรอนุญาตที่ติดประจำรถเพื่ออนุญาตให้เข้าออกได้
3.3
การนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์เข้ามาชั่วคราว ผู้นำเข้าจะต้องยื่นใบขนสินค้าพิเศษพร้อมสำเนา
5 ฉบับ แบบธุรกิจต่างประเทศ (ธ.ต.2) 1 ฉบับ
พร้อมวางประกันด้วยเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคาร ในวงเงินประกัน
โดยถือราคาบวกภาษีอากรทุกประเภทรวมกัน
อย่างไรก็ตามการนำเข้ารถจักรยานยนต์ทางสำนักงานศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพ
สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ สำนักงานศุลกากรกรุงเทพ
ให้ค้ำประกันตัวเองได้ สำหรับด่านศุลกากรภูมิภาคอาจให้บุคคลค้ำประกัน
หรือกรณีไม่สามารถจะวางประกันได้จริงๆ
ก็อาจอนุญาตให้ค้ำประกันตนเองได้เช่นกัน การทำสัญญาประกันกำหนดระยะเวลาให้นำเข้ามาได้ไม่เกิน
2 เดือน หากขอระยะเวลาเกิน 2 เดือนแต่ไม่เกิน 6 เดือน
จะต้องแสดงเหตุผลพิเศษให้เป็นที่พอใจจึงจะอนุญาตได้
4. การลงโทษผู้กระทำผิดกฎหมายศุลกากรและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
ผู้โดยสารที่นำของต้องชำระค่าภาษีอากร
ของต้องห้าม
ของต้องกำกัดเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่สำแดงหรือสำแดงไม่ถูกต้อง
จะได้รับโทษตามกฎหมายศุลกากร ดังนี้
4.1
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมผู้ต้องหาขณะอยู่ในช่องเขียว
(Green Channel) จะถูกปรับ 1 เท่าของราคาของบวกค่าภาษีอากรกับอีก 1
เท่าของภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย (ถ้ามี)
และผู้ต้องหาต้องยกของกลางให้เป็นของแผ่นดิน
4.2
ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบและจับกุมผู้ต้องหาภายหลังผ่านพ้นช่องเขียว
(Green Channel) และขณะที่
นำของผ่านออกไปนั้นมิได้เข้ามาในลักษณะซุกซ่อนเพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบผู้ต้องหาจะถูกปรับ
2 เท่าของของราคาของบวกค่าภาษีอากรกับอีก
1เท่าของภาษีมูลค่าเพิ่มภาษีสรรพสามิตภาษีเพื่อมหาดไทย(ถ้ามี)และผู้ต้องหาต้องยกของกลางให้เป็นของแผ่นดินในกรณีที่นำเข้ามาในลักษณะซุกซ่อนให้ปรับ
4
เท่าของของราคาของบวกค่าภาษีอากรและผู้ต้องหาต้องยกของกลางให้เป็นของแผ่นดิน
4.3
ในกรณีของที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นของที่ไม่ต้องชำระอากรศุลกากร
ไม่ว่าจะตรวจพบในช่องเขียว (Green Channel)
หรือผ่านพ้นช่องเขียวไปแล้วก็ตาม
ถือเป็นของซึ่งมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร
ผู้ต้องหาต้องยกของกลางให้เป็นของแผ่นดิน
|