|
ความเป็นอมตะแห่งชีวิต
ลองจินตนาการดูซิว่าถ้าเรามีอายุยืนยาวไปเรื่อยๆ ไม่มีวันแก่ ไม่มีวันเจ็บป่วย ไม่มีวันตายมัน จะดีขนาดไหน ร่างกายที่ซ่อมแซมตัวเองได้และงอกใหม่ได้เรื่อยๆ ถ้าไปพูดเรื่องแบบนี้ให้คนอื่นฟังผมรับรองได้ว่าเขาคงจะตอบกลับมาว่า จะเอาไปเขียนนิยายหรอ!!
ในยุคที่เทพเจ้ายังครองความคิดของคนส่วนใหญ่ความอมตะมีเฉพาะเทพเจ้าเท่านั้นและดูเหมือนว่าเทพเจ้าจะไม่อนุญาตให้มนุษย์มีความสามารถนี้ แต่ก็มีหลายตำนานเทพที่บอกเล่าว่ามีมนุษย์บางคนที่เป็นอมตะ อย่างในมหากาพกิลกาเมช อุตนาปิชติม บรรพบุรุษของกิลกาเมซก็เป็นมนุษย์อมตะที่ได้รับโอกาสจากพระเจ้าบอกข่าวเรื่องน้ำท่วมโลกให้ต่อเรือแล้วขนสัตว์อย่างละชนิดขึ้นเรือ หลังจากนั้นเขาก็อยู่กับพระเจ้าอย่างนิรันดร์ หลายคนอาจสงสัยทำไมเรื่องของอุตนาปิชติมมันถึงไปเหมือนกันโนอาในคัมภีร์ไบเบิลนัก!! ผมเองก็อยากรู้เหมือนกัน?
ยังมีตำนานที่เล่าถึงความเป็นอมตะของมนุษย์อีกเยอะแยะครับ ทั้งที่เป็นอมตะด้วยตัวเองและต้องเสียสละชีวิตผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองเป็นอมตะ แต่ไม่ว่าจะยังไงพระเจ้าคือผู้ตัดสินว่าใครจะได้รับพลังอันเทียบเคียงพระเจ้า
นอกจากนั้นคำว่า ชีวิตอมตะ ยังกลายเป็นวลีและความสามารถหนึ่งของเหล่าร้ายในการ์ตูนและภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง แต่สุดท้ายก็ตายเพราะตัวเอกของเรื่องอยู่ดี อีกความสามารถหนึ่งที่มักจะอยู่คู่กับความอมตะนั้นก็คือการซ่อมแซมร่างกาย เรียกได้ว่าคนไหนเป็นอมตะก็จะต้องซ่อมแซมร่างกายตัวเองได้ ไม่งั้นจะเป็นอมตะไปทำไมล่ะสู้ตายไปเสียดีกว่ากลายเป็นคนพิการ ส่วนเรื่องการซ่อมแซมร่างกายนี่สัตว์บางชนิดก็ทำได้ครับอย่างจิงจก จิงเหลน ซาลาแมนเดอร์ ดาวทะเล ก็งอกส่วนที่ถูกตัดออกไปได้ แต่น่าแปลกตรงที่ทำไมพอเป็นสัตว์ใหญ่อย่างจระเข้กลับไม่มีข่าวว่ามันงอกหางใหม่หรือว่าไม่มีใครไปตัดหางมันกันแน่?
แต่ก็เพราะตรงนี้แหละมนุษย์เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมที่ธรรมชาติให้ความสามารถนี้กับสัตว์ชั้นต่ำพันธุ์นั้น แต่กับมนุษย์กลับไม่ยอมให้ เมื่อธรรมชาติไม่ยินยอมมนุษย์ก็สร้างมันขึ้นมาเอง! ความสามารถที่เปรียบประดุจพระเจ้า ความอมตะที่มีเพียงพระเจ้าที่ได้ครอบครอง และต่อจากนี้ไปมนุษย์ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอำนาจของพระเจ้าอีกต่อไป
กลับเข้าเรื่องก่อนที่จะออกทะเลมากไปกว่านี้!! อย่างที่ผมพร่ำพรรณนามานั้นแหละ ปัจจุบันมนุษย์มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ปีและหวังอยากยิ่งว่าจะมีอายุยืนยาวมากกว่านี้แบบไม่เจ็บไม่ป่วยไม่แก่ ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าจะอยู่แล้วจะทำอะไรต่อก็เถอะ ตอนนี้ผมจะบอกอะไรให้ครับ มนุษย์ก้าวเท้าเข้าสู่ประตูแห่งความลับของความอมตะเรียบร้อยแล้ว!!!
อะไรนะ!! งั้นหมายความว่าอีกไม่นานมนุษย์ก็จะมีอายุยืนยาวขึ้นงั้นหรอ
ไม่ใช่แค่อายุยืนขึ้นแต่ยังเอาชนะโรคทุกโรคได้เลยแหละครับ ความพิการ มะเร็ง เอดส์ และโรคทางพันธุกรรมทุกชนิดจะไม่อาจเข้าย่างกลายในชีวิตมนุษย์อีกเลย แน่นอนว่าไม่ใช่เวทมนต์คาถาแต่มันเป็นปาฏิหาริย์ทางวิทยาศาสตร์ ผมว่าพวกเราทุกคนคงเคยได้ยินเทคโนโลยีนี้กันมาแล้วเพียงแต่ยังไม่รู้ว่าถึงความสามารถของมันจริงๆ เท่านั้นเอง
พักหลังๆ มานี่พวกเรามักได้ยินคำว่า สเต็มเซลล์ กันบ่อยขึ้นถึงจะยังอยู่ในช่วงทดลองแต่ก็มีการอนุญาตให้รักษาอยู่หลายโรค แล้วมันคืออะไรล่ะ!! มันคือเซลล์ต้นกำเนิดของร่างกายมนุษย์ที่สามารถแตกตัวเองได้โดยไม่ต้องอาศัยการปฏิสนธิ พูดง่ายๆ ว่ามันสามารถแตกตัวไปทำงานแทนเซลล์ต่างๆ ที่เสื่อมสภาพในร่างกายคนเราได้ทั้งเซลล์เม็ดเลือด เซลล์ประสาท เซลล์สมอง เซลล์กล้ามเนื้อทุกส่วน นั้นก็เท่ากับว่าเราจะไม่เจ็บป่วยด้วยโรคภัยแต่ถ้าพิการมันจะแตกตัวไปแทนเซลล์ที่ถูกตัดออกทันทีแบบไม่มีที่สิ้นสุด ลองจินตนาการดูซิครับว่าถ้าเราแขนขาดแล้วแขนงอกใหม่ได้เหมือนหางจิ้งจกมันจะดีขนาดไหน ถ้าจะพูดถึงความสามารถของเสต็มเซลล์แล้วก็ต้องไปดูว่าเซลล์แต่ล่ะเซลล์มีลักษณะอย่างไร
ปกติเซลล์ในร่างกายเราจะทำงานเฉพาะอย่างเกิดมาทำหน้าที่อะไรก็ทำหน้าที่นั้นไปจนตาย อย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่าเซลล์ในร่างกายเราตายทุกวัน ไม่ต้องห่วงก่อนเซลล์จะตายมันจะแตกตัวให้เซลล์รุ่นลูกทำงานต่อ จากนั้นเซลล์รุ่นลูกจะรับข้อมูลแล้วทำงานต่อไปปัญหามันอยู่ที่ข้อมูลที่รับมาจะขาดๆ หายๆ ทำให้เซลล์รุ่นลูกไม่เหมือนรุ่นแม่ พอนานไปความผิดปกติจะชัดขึ้นและนี่แหละคือสาเหตุของการแก่!! การแก่ก็คือการที่เซลล์มันเสื่อมสภาพเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งเราก็จะตาย แต่สเต็มเซลล์มีคุณสมบัติอันอัศจรรย์สามารถแตกตัวใหม่ไม่จบไม่สิ้นและมีค่าเป็นอนันต์ นอกจากจะแตกตัวใหม่เรื่อยๆ แล้วมันยังปรับตัวไปตามสารพันธุกรรมของแต่ล่ะคน ทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพ ตรงที่นี้แหละที่ผมบอกว่ามันจะทำให้มนุษย์เป็นอมตะ!!
สเต็มมีอยู่ในหลายส่วนของร่างกายเรา
โรคมะเร็ง เกิดจากเซลล์ตัวอ่อนที่เรียกว่าเอ็มบริโอแตกตัวผิดปกติ การรักษาก็แค่ตัดเซลล์มะเร็งออกแล้วฉีดเสต็มเซลล์ไปแทนที่ จากนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรแค่รอคอยเพราะสเต็มเซลล์มันจะไปแตกลูกหลานและทำงานแทนเนื้อเยื่อที่ถูกตัดไปเอง
ถ้าผลการทดลองออกมาเป็นที่น่าพอใจหรือสมหวังอย่างที่เราคิดมนุษย์จะไม่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 100 ปีอีกต่อไปจะอยู่เป็นหมื่นเป็นแสนปีก็ไม่มีปัญหาหรือจนกว่าเราจะเบื่อการมีชีวิตก็ได้
ในอนาคตสเต็มเซลล์ถูกฉีดให้กับทารกในทุกโรงพยาบาลจะเกิดอะไรขึ้น? ผมว่ามนุษย์ต้องแย่งกันกินแย่งกันอยู่แล้วที่สำคัญเราไม่รู้ว่าเราจะแก่เมื่อไหร่? เหมือนคนตาบอดที่พายเรืออยู่กลางทะเลไม่รู้ว่าจะถึงฝั่งเมื่อไหร่ ต้องพายไปทางไหน แล้วทิศนั้นมีฝั่งจริงๆ หรือเปล่า!! ฝั่ง ที่ผมเปรียบเปรยในที่นี้ก็คือความ ตาย นั้นเอง ใครที่รวยก็จะอยู่อย่างสบายจนกว่าจะเบื่อและเมื่อเบื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไงจะตายก็ตายไม่ได้เพราะสเต็มเซลล์มันแตกตัวซ่อมแซมตัวเองไม่ให้แก่ ไม่ให้ตาย บวกกับการแพทย์ในยุคอนาคตผมว่าแค่ไม่กี่วันก็รักษาได้ต่อให้คุณถูกรถชนแขนไปทาง ขาไปทาง หรือตับไตใส้พุงเละเทะก็เหอะ ส่วนใครที่จนไม่มีจะกินก็ต้องริ้นรนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและไม่ใช่แค่ร้อยปีอย่างปัจจุบัน (ส่วนใหญ่ไม่ถึงร้อยปีก็ตายแล้ว)
แล้วในที่สุดมนุษย์ก็จะโหยหาความตาย และคิดกันว่าทำไมเราไม่ตายซักที!!!
แหล่งที่มา
JC rick. (2555). ความเป็นอมตะแห่งชีวิต . ค้นจาก http://planxfile.blogspot.com/
2011/11/blog-post.html
|
|