|
เทคนิคการหางานทำ
155.9 ส665ท
การหางานเริ่มยากและเข้มข้น
ผู้แต่ง: สายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์
ชื่อเรื่อง: เทคนิคการหางานทำ
สรุปเนื้อหา
การหางานเริ่มยากและเข้มข้น
ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่น่าพอใจ จำนวนผู้ลงทุนและมูลค่าการลงทุนรวมถึงจำนวนบริษัทต่าง ๆ ที่เปิดเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้จบการศึกษาใหม่ๆ มีงานทำและหางานทำได้ง่าย ผู้สมัตรงานจึงมีโอกาสเลือกนายจ้าง อย่างไรก็ตาม ภาวพเศรษฐกิจปี 2539 ต่อเนื่องปี 2540 ทำให้การลงทุนลดน้อยลง เพราะมีการเป็นไปได้ว่าจะมีการชะลอ
การรับพนักงานเข้าทำงาน พร้อมกับอาจมีการเลิกจ้างลูกจ้างมากถึง 1,600,000 คน ดังนั้น ตลาดแรงงานจึงเป็นตลาดของผู้รับสมัครที่จะคัดเลือกเฉพาะคนที่ดีหรือเก่งทำงาน การหางานทำจึงยากกว่าเดิมหลายเท่า ในแต่ละปีจะมีการศึกษาในระดับการศึกษาต่างๆ รวมแล้วมากกว่าแสนคน และเมื่อรวมกับผู้ที่ตกค้างมาจากปีก่อนๆ ที่ยังหางานไม่ได้ การแข่งขันกันหางานทำก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น คือ การจะสมัครงานหรือหางาน
ทำให้จะรุนแรงยิ่งขึ้น คือการสมัครงานหรือหางานทำจะยิ่งยากมากขึ้น ครับ อ่านแล้ว ฟังแล้ว ห่อเหี่ยวใจ และที่กล่าวมานี้ก็ไม่ใช่ว่าจะนำเรื่องเล่นๆ มาคุยกัน ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่จะมาขู่กัน แตภาวะการจ้างงานหรือตลาดแรงงานในประเทศไทยในช่วงนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยเหตุนี้ ตลาดแรงงานในปัจจุบันจึงเป็นตลาดแรงงานของผู้ซื้อหรือคือตลาดแรงงานของนายจ้าง ก็เพราะเหตุนี้ ผู้สมัครจำนวนมากต่อมาก จึงไม่ค่อยมี
โอกาสได้เลือกงานมากนัก และหลายๆ คนต้องยอมรับงานที่ใช้วุฒิความรู้ต่ำที่ว่าเรียนจบมาเพื่อสมัครงาน เพราะบางแห่งต้องการรับผู้ที่จบอนุปริญญาเข้าทำงานคนจบปริญญาตรีที่อยากได้งานก็จะนำวุฒิ ปวส. มาแสดง บางบริษัทรับเฉพาะคนจบ ปวช. แต่จะมีผู้สมัครงานบางคนทั้งๆ ที่จบปวส.จะใช้วุฒิ ปวช. ไปแสดง นอกจากนี้คนที่จบใหม่ๆ ที่ได้ทำงาน อาจจะได้เงินเดือนไม่ครบเดือน โดยจะได้เงินค่าจ้างเพียง 26 วัน คือได้ค่า
เป็นรายวันวันไหนที่ไม่ได้ทำงาน เช่น วันอาทิตย์ หรือวันหยุดพิเศษ ก็จะไม่ได้ค่าจ้าง วันไหนป่วยหรือลากิจ ก็จะไม่ได้ค่าจ้างด้วย บางคนจึงได้ค่าจ้างน้อยกว่า 26 วัน บางคนผลการเรียนดี แต่ต้องทนเดินเตะฝุ่น 1-2 ปีก็มี ความเชื่อที่ว่า เรีนยเก่งหรือเรียนดี แล้วจะหางานง่ายนั้น อาจจะไม่จริงเสมอไปในยุคปัจจุบันการรับคนเข้าทำงานในทุกวันนี้นั้นจะพิจารณาสิ่งพิเศษประกอบด้วย เช่น บุคลิกภาพ ความคล่องตัว ควงามอดทน
ความเป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบ เป็นต้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ในการหางานหรือสมัครงานจึงเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีควรทำ เข้าทำนอง "ฟอร์มดี มีชัยไปกว่าครึ่ง" โปรดระลึกกว่า การจะไปหางานเรื่องสมัครงานนั้น เราควรจะมีสิ่งที่น่าสนใจในตัวเรา และสิ่งที่น่าสนใจนั้นต้องเป็นผู้รับสมัครเขาสนใจด้วย มันก็เหมือนกับว่า เราเป็นเซลส์แมนหรือเซลส์วูแมนที่จะเสนอขายสินค้าอย่างหนึ่งให้แก่ผู้ซื้อ และเราจะต้องมั่นใจว่า
เราควรจะขายสินค้าให้ได้ ฉันใดก็ดี เมื่อเราจะสมัครงาน เราก็จะต้องเตรียมเสนอขายตัวเราเองให้เป็นที่น่าสนใจของผู้รับสมัครงานนั้น ถ้าคุณสามารถทำได้ โอกาสที่เราจะได้งานก็มันมีมากขึ้น เนื้อหาสาระในหนังสือเล่มนี้ จึงเป็นที่อาจจะช่วยให้คุณเป็นที่น่าสนใจของผู้รับสมัครงานก็เป็นได้
การเตรียมหางานเมื่อจบการศึกษา
จะว่าไปแล้ว การเตรียมหางานควรจะต้องเริ่มต้นกันก่อนจะจบการศึกษาด้วยซ้ำไป คือควรจะแวะไปดูตู้หรือป้ายปิดประกาศของสถานศึกษาที่เรียนอยู่ว่ารัฐวิสาหกิจ บริษัท ห้างร้านใด ต้องการรับสมัครพนักงานบ้าง เพราะว่าองค์การต่างๆ มักจะชอบส่งหนังสือแสดงความจำนงว่าจะรับสมัครพนักงานในตำแน่งอะไรบ้างไปตามโรงเรียน วิทยาลัย หรือมหาวิทยาลัยเสมอ เพราะเป็นการประหยัดค่าโฆษณาหาคนในหนังสือพิมพ์ บางแห่ง
ก็อยากให้คนจบใหม่ ๆเลย นอกจากนี้ ควรจะสอบถามไปยังญาติพี่น้องหรือคุณพ่อคุณแม่เพื่อนรุ่นพี่หรือคนรู้จักกันกว่า มีที่ไหนที่กำลังจะเปิดรับสมัคร แต่ท่งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ควรจะต้องสนอกสนใจจนถึงกับไม่มีเวลาดูหนังสือสอบ อย่างไรก็ดี มักมีปัญหาว่าองค์การต่างๆ เชาน องค์การรัฐวิสาหกิจมักจะเข้มงวดกับหลักฐานทางการศึกษา เพื่อที่จะได้พิสูนจ์ว่าผู้สมัครงานจบการศึกษาระดับใด เมื่อไหร่ และจบการศึกษาจริงๆ ไม่ใช่ว่าเคยสอบเก็บอีกบางวิชา
นอกจากนี้บางบริษัทก็มักจะทำเช่นนี้ด้วย คนที่ไม่จบการศึกษาจึงมักไม่ค่อยจะมีโอกาสได้สมัครงาน นอกจากจะมองหาแหล่งสำหรับสมัครงานแล้ว ในระหว่างนั้นก็น่าจะเตรียมตัวให้พร้อม เช่น เลือกเสื้อผ้าที่คิดว่าและเหมาะสมที่สุด ซึ่งควรจะมีสัก 2 ชุดเพื่อใส่ไปสมัครงานหรือรับการสัมภาษณ์ เตรียมรูปถ่าย จัดเตรียมเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ เช่น ใบสำเนาทะเบีนยบ้าน บัตรประชาชน ใบปลด ร.ด. เลขบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ หนังสือรับรองการฝึกงาน
โดยเตรียมเป็นชุดๆ อย่างน้อยก็ควรจะเตรียมไว้ไม่น้อยกว่า 3-4 ชุด เตรียมกระดาษจดหมาย ซองจดหมาย และซองเก็บเอกสาร ขณะเดียวกันควรกำหนดไว้ว่าไปพบใคร หรือโทรศัพท์สอบถามเรื่องการสมัครงานจากใครที่ไหน พูดกันง่ายๆ ก็คือ เตรียมใจ เตรียมการกาย และเตรียมสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นหรือคิดว่าจำเป็นให้พร้อม เพราะ คุณกำลังจะออกไปต่อสู้กับคนอื่นๆ ซึ่งทุกคนก็กำลังมองหางานเช่นเดียวกับคุณ และคุณก็กำลังจะไปเสนอขายตัวคุณด้วย แต่คุณ
ก้ต้องเตรียมตังเพื่อสอบผ่านให้ได้ด้วย
ที่มา :
สายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์. (2540).
เทคนิคการหางานทำ :กรุงเทพฯ
มติชน, หน้า :3-7
|
|