|
ศาสตร์และศิลป์แห่งการบำบัดด้วยพลังเหนือธรรมชาติ
133.8 ธ321ศ
ศาสตร์และศิลป์แห่งการบำบัดด้วยพลังเหนือธรรมชาติ
ผู้แต่ง: ธรรมทิพย์ ไขหาญฟ้า
ชื่อเรื่อง: ศาสตร์และศิลป์แห่งการบำบัดด้วยพลังเหนือธรรมชาติ
สรุปเนื้อหา
ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 ได้มีการศึกษาผลของการใช้ยาจำพวก พลาซีโบ เป็นพิเศษ ตัวยาเหล่านี้จะออกฤทธิ์ทำให้ผู้ป่วยมึนงง ง่วงงุนประสาทการรับรู้เฉื่อยชาลง โดยธรรมชาติของมันเองแล้ว ตัวยาเหล่านี้ไม่มีสรรพคุณใดๆในการรักษาโรคเลย แต่บางครั้ง เราจะพบหาว่าหากนำมาใช้ควบคู่ไปกับกรรมวิธีการรักษาที่ใช้อำนาจในการชี้นำเป็นหลัก
มันก็อาจมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยหายเป็นปกติได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของผู้ป่วยเป็นสำคัญ หากผู้ป่วยมีความเชื่อมั่นว่าตัวยานั้นๆ มีสรรพคุณในการรักษาโรคของเขาจริง มันก็อาจช่วยให้เขาหายจากโรคที่เป้นอยู่ได้จริง เช่น นอกจากนี้แล้ว สำหรับแนวความคิดที่ว่า สภาพอารมณ์และจิตใจมีผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยตรง ก็ได้มีการนำมาวิเคราะห์ประกอบ
กันด้วย มีการศึกษา วิเคราะห์ และตรวจสอบผลร้ายของความเครียดและภาวะอารมณ์ในด้านลบมีผลทำให้กระบวนการทางเคมีในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่เลวลง สภาวะอารมณ์ในด้านบวกก็น่าจะมีผลทำให้กระบวนการทางเคมีในร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นด้วย ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นที่ว่าจริง จะเป็นไปได้หรือไม่ที่อารมณืประเภท ความรัก ความ
หวัง ศรัทธา ความเบิกบานใจ ความเชื่อมั่น และความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจะมีส่วนช่วยในการบำบัดรักษาโรค
อาการเจ็บป่วยของคนเราทรุดหนักลงมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะสภาวะอารมณ์ทางด้านลบ คือ ความตื่นตระหนกและความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังเป็นเหตุ นั้นมีความเป็นไปได้มาก เพียงผู้ป่วยจำเป็นต้องปรับปรุงสภาวะจิตใจและทางอารมณ์ของตนเองให้ดีขึ้น เพื่อที่ต่อกรกับอาการที่ทรุดลงนี้โดยเฉพาะ แพทย์ก็มีหน้าที่ให้การดูแลรักษาและเยียวยาตามหลักวิชาทางการแพทย์
โดยตรง ส่วนตัวผู้ป่วยเองต้องรับภาระในการเสริมสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นแง่บวก เพื่อบำบัดรักษาตัวให้หายจากโรค โดยเฉพาะรูปแบบของสภาพแวดล้อมเช่นที่ว่านี้มีที่น่าสนใจมากอยู่อย่างหนึ่ง คือ การบำบัดโรคด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยการชมภาพยนตร์ตลกเบาสมอง อ่านหนังสือขำขัน และอื่นๆอีกมากมายในทำนองนี้เป็นประจำทุกวันเพราะมันไม่เพียงแต่
จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทรมานให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขาหลับสนิท และดูเหมือนจะช่วยกระตุ้นกระบวนการทำปฏิกิริยาทางเคมีในเม็ดเลือดแดงดีขึ้นได้ด้วย บรรดาผู้ที่เชื่อถือการแพทย์แผนปัจจุบัน ต่างพากันกีดกัน การแพทย์ทางเลือก ทั้งหลายออกไปเสียห่างไกล ไม่ยอมรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรการแพทย์ในคำนิยามของตน การแพทย์การเลือก ต้องจำกัด
ตัวเองอยู่ในโลกของมันโดยเฉพาะ และดูเหมือนจะเป็นโรคมืดเสียด้วย เพราะไม่ได้รับการรับรองและยอมรับในแง่ของลัทธิความถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ สังคมจึงถือว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยงและอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงกับผู้ป่วยได้ แต่พวกแพทย์ทางเลือกก็แย้งว่า พวกเขาเพียงแค่ย้อนกับไปตั้งต้นยังทุกเดิมที่บรรดานักปราชญ์และผู้รู้หลายต่อหลายคนได้เคยก้าวเดินไป
ก่อนแล้ว ทั้งนี้ ก็เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจกับภูมิปัญญาของคนโบราณให้ถ่องแท้ พวกเขาเพียงแค่อยากจะนำวิธีการรักษาโรคที่เป็นธรรมชาติกว่ามาแทน แทนที่จะอาศัย ยามายิก หรือยาวิเศษ ที่แพทย์แผนปัจจุบันเอาแต่สั่งให้คนไข้อยู่ฝ่ายเดียวอย่างที่เป็นกันอยู่โดยมากในปัจจุบันนี้
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วดูเหมือนว่า แพทย์แผนปัจจุบันและแพทย์ทางเลือกจะมีการประนีประนอมกันได้ในระดับหนึ่ง ถึงกระนั้นก็ตาม ทั้งๆที่ทฤษฎีความสัมพันธืระหว่างสุขภาพกาย-จิต-วิญญาณได้รับการยอมรับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และแพทย์แผนปัจจุบันจำนวนมากก็เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับปัจจัยทั้ง3 อย่างเท่าๆกัน ในการตรวจรักษาโรคให้กับผู้ป่วยแล้วแต่การวางรากฐานให้กับ
การแพทย์การเลือก นี้ก็ยังต้องเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคด้วยเหตุที่คนส่วนใหญ่ยังแคลงใจ ไม่เชื่อถือในประสิทธิภาพของกรรมวิธีการรักษาเหล่านี้อยู่ดี นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ยกเหตุผลนานัปการมาหักล้างความสำเร็จหรือประสิทธิภาพอันโดดเด่นของการแพทย์ทางเลือก
จากเหตุผลความขัดแย้งทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่จะมีการขีดเส้นแบ่งเขตระหว่าง การแพทย์แผนปัจจุบัน กับ การแพทย์การเลือก ในขณะที่แพทย์แผนปัจจุบันเอาแต่เรียกร้องต้องการคำอธิบายและข้อพิสูจน์ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์จากการแพทย์ทางเลือก บรรดาผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์การฝังเข็ม การใช้พืชสมุนไพรและการใช้พลังจิตในการรักษา
โรคก็ยืนกรานเช่นกันว่า ที่พวกเขาสามารถรักษาผู้ป่วยจนหายจากโรคภัยต่างๆได้เป็นผลสำเร็จนั้น ก็นับเป็นข้อพิสูจน์ที่เด่นชัดเพียงพอแล้ว
ที่มา :
ธรรมทิพย์ ไขหาญฟ้า. (2541).
ศาสตร์และศิลป์แห่งการบำบัดด้วยพลังเหนือธรรมชาติ. กรุงเทพฯ:
อิททรีย์, หน้า 128.
|
|