|
089.9591 รวมเรื่องทั่วไปภาษาไทย
ชาติหน้าผมไม่ขอเป็นลูกของแม่อีกแล้ว
หูถิงโซ่ว
นักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (ไถต้า)
เขาเกิดมาพร้อมกับโรคกล้ามเนื้อลีบ
จากไขประสาทเสื่อม (ALS, Amyotrophic ข้างตีบ)
แต่เขามีสติปัญญาดีกว่าคนรุ่นเดียวกัน
เขาเป็นลูกคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว (แม่เดี่ยว)
คุณแม่ของเขาคือคุณเหอเหม่ยจินเลี้ยงดูเขาเพียงลำพังตั้งแต่เล็กจนโต
เพราะเขาเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบฯ จึงทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายไม่สะดวก
คุณแม่ของเขาลาออกจากการเป็นผู้จัดการบริษัทประกันภัย
ออกมาเปิดบริษัทของตัวเองเพื่อเลี้ยงดูลูก
ต่อมา บริษัท ของคุณเหอก็ปิดตัวลง
แม่ลูกจึงเก็บผักที่แม่ค้าไม่เอาแล้วในตลาดและ
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ใกล้หมดอายุในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาประทังชีวิต
ทุกครั้งที่เขาเห็นสกู๊ปชีวิตในทีวี
เขาจึงมักจะเอ่ยอยู่เสมอว่า "อันนี้มันน่าสงสารแล้วเหรอ!"
....................................................................
"แม่ครับ
วันนี้เป็นวันเกิดของนี้เมื่อ 23 ปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ผมวัน
แม่เหนื่อยและลำบากเพราะผมมาก
เป็นเรื่องที่ใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น ลูกชายคนนี้ของแม่
เกิดมาพร้อมกับโรคกล้ามเนื้อลีบฯ
แม่ทนกับคำถากถางของญาติพี่น้องในทุกๆวันได้อย่างไร?
แม่ทิ้งเงินเดือนในตำแหน่งผู้จัดการอันสูงลิ่ว
ชีวิตครอบครัวจบลงด้วยการหย่าร้าง
แม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเลี้ยงดูผมมาลำพังจนเติบใหญ่
ที่จริงแม่ทิ้งผมไว้ที่บ้านเด็กกำพร้าก็ได้ แต่แม่ก็ไม่ทำเพราะอะไร?
คุณหมอบอกว่า
"เด็กคนนี้น่าจะอยู่ได้สัก 6 ปีหรือ 12 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี"
ผมไม่รู้ว่าเมื่อแม่ได้ยินข่าวร้ายอย่างนี้ ทำไมยังพูดคุยหัวเราะบอกกับผมว่า
"คุณลุงหมอบอกแม่ว่าลูกจะหายตอนอายุ 6 ขวบและจะหายเป็นปกติตอนอายุ 12 ขวบ"
ตอนที่ผมอายุได้ 18 ปีอาการป่วยของผมกำเริบหนัก
ทำให้ผมอยากตายให้มันแล้วๆไป ผมไม่รู้ว่าคนตกงานอย่างแม่ทำได้ยังไง
ที่ไม่ให้สิ่งเหล่านี้มากดทับซ้ำเติมคนอ่อนแออย่างผม
วันนี้ผมอายุ 23 ปีแล้วที่ผมอยู่ได้มากขึ้นในแต่ละวัน
ก็เพราะแม่ส่งเสริมก็เพราะเกียรติของแม่ ตอนที่เรียนมัธยม
แม่ทำงานใช้หนี้จนแทบไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง
จึงทิ้งโอกาสที่จะเดินทางไปเกาสยงเพื่อไปรับรางวัลคุณแม่ดีเด่น
แต่วันนี้ผมภูมิใจในแม่มากผมอยากจะบอกแม่ดัง ๆ ว่า
"ผมรักแม่แม่คือคุณแม่ดีเด่นในใจผมตลอดไป"
ตอนเล็ก ๆ ผมไม่เข้าใจและผมก็โมโหมากทุกครั้งที่ผมหกล้ม
แม่ไม่เคยมาพยุงผมเลย ต่อให้ผมคลานอยู่กับพื้นที่สวนสาธารณะ
ถูกผู้คนมองนานเป็น 10-20 นาทีแม่ก็ไม่เคยเข้ามาพยุงผม
ผมต้องกัดฟันจับเก้าอี้พยุงตัวเองขึ้นมา
เมื่อผมโตผมจึงเข้าใจ คนที่เป็นโรคเดียวกับผมไม่มีใครเดินได้
หากแม่ไม่ใจดำกับผมผมคงจะฝึกเดินเองไม่ได้จนถึงตอนนี้
แต่ผมไม่รู้ว่าแม่ทนได้ยังไงที่จะไม่เข้ามาพยุงผม
ทุกนาทีที่ผมล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้น
มันไม่ใช่เหมือนมีดที่คอยกรีดใจแม่เป็นร้อยๆพันๆปีหรอกหรือ?
ยิ่งใคร ๆ เขาสงสารผมแม่ก็ยิ่งเรียกร้องกับผม ตอนเป็นเด็กกล้ามเนื้อมือไม่แข็งแรง
เวลาเขียนตัวหนังสือก้เหมือนไก่เขี่ย ผมเขียนได้บรรทัดหนึ่ง
แม่ก็ฉีกไปหน้าหนึ่งเกรดไม่ดีคะแนนลดไปหนึ่งคะแนน
แม่ก็ตีผม "เดินก็ไม่ถนัดยังจะมาเรียนหนังสือแย่อีกแม่ตายไปแล้วลูกจะทำยังไง?"
ผมเรียนมัธยมจนถึงเรียนมหาลัยแห่งชาติได้
สิ่งเหล่านี้เป็นเพราะแม่คอยเตรียมการให้
การเรียนไม่ใช่สาเหตุของความสำเร็จในชีวิต
แต่นี่มันปูด้วยหยดเลือดและน้ำตาของแม่
แส้ที่แม่ตีผม ทุกครั้งที่แม่ตีถูกเนื้อผมก็เจ็บไปถึงใจของแม่
แม่ยอมทนเจ็บที่ใจเพื่อให้ผมยืนหยัดได้ด้วยตนเอง
ไม่ต้องให้ใครเขามาสมเพชผม
ตอนที่แม่เปิด บริษัท เองไม่ว่าจะยุ่งยังไงก็ตาม
แต่ก็จะมาส่งข้าวกลางวันให้ผมด้วยตัวเองทุกครั้ง
ก็เพราะผมชอบกินข้าวกล่องของร้านนั้นเป็นพิเศษ
แต่แม่ก็มาไม่ทันข้าวเที่ยงสักวันผมต้องถูกลงโทษให้ไปกินนอกห้อง
ช่วงพักเรียนตอนบ่ายทุกวัน
แต่ที่ผมไม่เคยบอกแม่เลยก็คือ
ทุกวันที่ผมได้เห็นแม่ในช่วงกลางวัน ต่อให้แป๊บเดียวผมก็มีความสุขมาก
ตอนที่ผมเรียนมัธยม บริษัทที่แม่เปิดต้องปิดลงเพราะหุ้นส่วนใจดำทั้งหลาย
แม่จึงไปรับจ๊อบที่สำนักงานบัญชีเพื่อประทังชีวิต
แต่ฟ้ายังไม่สว่างเลย แม่ก็ไปทำงานที่ร้านขายอาหารเช้าแล้ว
ตอนเย็นก็ไปล้างถ้วยที่ร้านอาหารบุฟเฟต์อีก
เพื่อที่จะได้เอาอาหารที่เหลือขายมาให้ผมกิน
จำได้ว่ามีอยู่คืนหนึ่งประมาณ 5 ทุ่ม
แม่ยังไม่มารับผมที่โรงเรียน
ครูสอนพิเศษพาผมลงไปรอแม่ที่เซเว่น
"เอ๊า! จะดื่มอะไรเลือกเอง "
ผมยืนอยู่หน้าตู้แช่กลอกตามองไปมาผมไม่เคยใช้เงินและ
ก็ไม่ชินกับการซื้อเครื่องดื่มจึงไม่รู้จะเลือกอย่างไร?
"อื่ออันนี้อร่อยดีนะ"
ครูสอนพิเศษหยิบชานมกระป๋องเขียว2กระป๋องไปจ่ายเงินที่เค้าเตอร์
ผมเข้าใจคำว่าเลือกในทันที
ผมไม่มีเงิน ผมจึงเลือกเครื่องดื่มที่ผมชอบไม่ได้
ชีวิตของแม่ก็เช่นกันแม่ก็เลือกไม่ได้เหมือนกัน
ในตอนนั้นผมคิด แต่เพียงว่า
หากแม่มีเงินแม่ก็คงมีทางเลือกมากขึ้น
ผมไม่ต้องการเป็นเศรษฐี แต่อย่างน้อยผมอยากเป็นคนเลือกบ้าง
เลือกในสิ่งที่ผมต้องการและ ที่ผมต้องการก็คืออยากให้แม่กลับบ้านเร็วหน่อยตอนเช้า
ตอนที่เรียนมัธยมโรคได้กำเริบรุนแรง
ทำให้ผมขึ้นรถเมล์ไปเรียนเองไม่ได้
ไม่สามารถเดินไปรับอาหารกลางวันฟรี
ที่สหกรณ์ได้อีกตอนที่ต้องนั่งล้อเข็นใหม่ ๆ
ผมรับไม่ได้กับอุปกรณ์ส่วนเกินนี้
นอกจากร้องไห้แล้วผมก็อยากให้ชีวิตของผมมันจบ ๆ ไปซะที
ผมถามฟ้าเบื้องบนอยู่เสมอว่า "ทำไมท่านทำกับผมอย่างนี้?"
ผมรู้ว่าแม่เจ็บปวดมากกว่าผม
แต่แม่กล้ำกลืนอดทนมันไว้ทุกครั้งที่ผมร้องไห้
จนเหนื่อยหอบอยู่บนโต๊ะ
แม่ก็จะแซว
"ดื่มน้ำเพิ่มไหมเสียน้ำตาไปมากแล้วเดี๋ยวน้ำในตัวจะหมด" ผมว่า
ในวันนั้น ผมเอามีดทำอาหารของแม่เตรียมกรีดข้อมือตัวเอง
แม่เห็นก็เข้ามาแย่งแม่เอามือของแม่จับคมมีดฉุดไปจากผม
แม่ไม่ได้กลัวว่ามีดจะบาดมือแม่ยังไง
แม่ห่วงแต่ว่าจะให้ผมมีชีวิตต่อได้ยังไง
ผมตกใจจนต้องปล่อยมือจากมีดนั้นคลานไปนั่งที่มุมห้อง
"ไม่ต้องงอแงเลยเอามีดมาให้แม่แม่จะไปทำข้าวเย็น"
ผมรู้สึกมันไร้สาระมากผมไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
แม่ยังจะมาทำข้าวเย็นให้กินอีก
แต่แม่รู้ไหมครับคำ ๆ นี้ของแม่อยู่กับผม
ในช่วงเวลาที่ชีวิตดิ่งลงเหวลึกเสมอมา
ไม่ว่าจะเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานเพียงใด พรุ่งนี้ก็ยังคงจะมาถึงชีวิตยังคงต้องสู้ต่อ "
นี่คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากวันนั้น
ขอบคุณแม่มาก ที่เลี้ยงดูผมมาอย่างไม่ปรักปรำพร่ำบ่น
แม่ยิ่งใหญ่สำหรับผมมาก
หากชาติหน้ามีจริง
ผมจะไม่ขอเป็นลูกของแม่อีก
ผมจะขอเกิดมาเป็นพ่อของแม่
เป็นแม่ของแม่
ผมขอเป็นคนดูแลแม่
ไม่ต้องให้แม่เจ็บปวดและ ทุกข์ทรมานอย่างนี้อีก
"แม่ครับผมรักแม่ "
|
|