|
004.678 v.1 เจาะลึกโครงข่ายอินเทอร์เน็ตของประเทศไทย
ในโลกยุคปัจจุบันเราทุกคนคงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า ข้อมูลข่าวสารมีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจและผูกพันกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในยุคโลกใบเล็กขึ้นไปทุกที ลองนึกถึงสมัยก่อนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เวลาที่เราต้องการส่งจดหมายสักฉบับไปต่างประเทศ เราต้องเสียเวลาเป็นอาทิตย์กว่าจดหมายจะถูกส่งไปถึงมือผู้รับปลายทาง และกว่าจะตอบกลับมาก็กินเวลาไปอีกเป็นอาทิตย์เช่นกัน ต่อจากนั้นโทรศัพท์ก็ได้ถูกนำเข้ามาแทนที่จดหมาย ซึ่งทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่ข้อจำกัดของโทรศัพท์ก็คือสามารถพูดคุยได้อย่างเดียว ไม่สามารถนำข้อมูลไปใช้ได้ในทันทีทันใด ซึ่งทำให้ไม่สะดวกมากนักหากคนอีกซีกโลกหนึ่งต้องการข้อมูลบางอย่างที่สำคัญ อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็สูงมาก
ดังนั้นเมื่อเวลาเปลี่ยนไปโลกธุรกิจเติบโตขึ้น ความต้องการข้อมูลข่าวสารเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวโทรสารจึงได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรับและส่งข้อมูลในปริมาณมากๆ ในเวลาอันรวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการพูดคุยด้วยเสียง แต่ข้อจำกัดของโทรสารก็มีอีกเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลที่เราส่งเข้าหากันจะเป็นลักษณะจากกระดาษสู่กระดาษ ข้อมูลที่เราได้รับนั้นเรายังไม่สามารถนำมาใช้งานอย่างอื่นได้นอกจากรับทราบเท่านั้น ถ้าต้องการนำข้อมูลไปใช้งานต่อเราก็ต้องมานั่งพิมพ์ข้อมูลใหม่อีกครั้ง เช่น บริษัทในประเทศไทยต้องการนำราคาสินค้าตัวล่าสุดส่งไปให้บริษัทสาขาในอเมริกา เพื่อนำเสนอลูกค้าถ้าเราใช้วิธีการโทรสารบริษัทสาขาในอเมริกาก็ต้องนำข้อมูลจากโทรสารพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ได้ความสวยงาม เพื่อนำเสนอให้ลูกค้าต่อไป ซึ่งเป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อนและล่าช้าเป็นอย่างมาก และหากเรามานั่งคิดกันต่อไปอีกว่าถ้าเรามีสาขาต่างๆอยู่ทั่วโลกความลำบากในการแลกเปลี่ยนข้อมูลจะมีความยุ่งยาก และซับซ้อนขนาดไหน
แต่มนุษย์ก็ไม่ยอมให้ความลำบากเข้ามาครอบครองชีวิต และการทำงานได้ ดังนั้นระบบเครือข่ายขนาดใหญ่ก็เริ่มถือกำเนิดและพัฒนาจนเป็นเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่ และทรงพลังที่สุดโดยที่แม้แต่ผู้คิดค้นก็ไม่คาดฝันเหมือนกันว่ามันจะยิ่งใหญ่และเติบโตได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ เครือข่ายที่ว่าก็คือ อินเทอร์เน็ต นั่นเอง ณ วันนี้เราคงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า อินเทอร์เน็ตได้รุกคืบเข้ามาในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นทุกขณะ เพราะทุกวันนี้เราทุกคนที่มีโอกาสได้ใช้อินเทอร์เน็ต ลองนึกดูว่าเวลาที่เราต้องการหาข้อมูลอะไรบางอย่างเราก็จะนึกถึงอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับแรกเสมอหรืออยากส่งจดหมายสักฉบับถ้าผู้รับสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เหมือนเราก็คงไม่พ้นที่จะต้องใช้อีเมล์ในการติดต่อ หรือหากต้องการพักผ่อนด้วยการเล่นเกมก็คงนึกถึงเกมบนพีซี และเกมในสมัยนี้ก็คงหนีไม่พ้นเกมออนไลน์ที่สามารถเล่นกันได้หลายๆ คนโดยอาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั่นเอง และปัจจุบันโลกของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตก็ได้เริ่มรุกคืบเข้าสู่โทรศัพท์มือถือ, Palmไม่เว้นแม้แต่กระทั่งตู้เย็นอินเทอร์เน็ตที่สามารถสั่งซื้อของบนตู้เย็นได้ทันที
อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยเมื่อประมาณสิบกว่าปีที่แล้ว อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทยโดยความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศ หลังจากนั้นอัตราการใช้งานก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และได้กระจายออกสู่ประชาชนภายนอกทั้งในระบบธุรกิจ, ส่วนราชการและการใช้ส่วนบุคคล ทุกวันนี้ในบ้านเราจะพบเห็นร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่กันเกลื่อนเมือง โดยมีกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นชัดแล้วว่า อินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของเราเป็นอย่างมาก และในธุรกิจปัจจุบันหากบริษัทไหนไม่มีอีเมล์ใช้นั้นหมายถึงความเป็นต่อทางธุรกิจของบริษัทนั้นก็ถูกลดลงตามไปด้วย เบื้องหลังความสำเร็จก่อนที่อินเทอร์เน็ตจะแพร่หลายเหมือนอย่างในปัจจุบันนั้นประเทศไทยของเราต้องลงทุนศึกษา และวิจัยโดยใช้งบประมาณของประเทศไม่รู้กี่พันกี่หมื่นล้านบาท ซึ่งทุกบาททุกสตางค์ก็มาจากภาษีอากรของประชาชนตาดำๆ อย่างเราๆ ท่านๆ นี่เอง
กลุ่มองค์กรที่อยู่เบื้องหลังในขณะนี้ก็มีอยู่ 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ การสื่อสารแห่งประเทศไทย และNECTEC โดยการสื่อสารแห่งประเทศไทยมีหน้าที่เป็น Gateway ออกสู่ต่างประเทศ และ NECTEC ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการแลกเปลี่ยน Internet ภายในประเทศ แต่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ การสื่อสารแห่งประเทศไทยจะเข้ามาทำหน้าที่แทน NECTEC ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในประเทศส่วนผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตที่เราใช้บริการกันอยู่ทุกวันนี้ก็จะเชื่อมโยงเครือข่ายเข้ากับการสื่อสารแห่งประเทศไทย เพื่อออกนอกประเทศและเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าหากันในประเทศโดยผ่านศูนย์ NECTEC และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตบางรายก็ยังมีเครือข่ายที่เชื่อมต่อโดยตรงจากต่างประเทศ โดยไม่ผ่านการสื่อสารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นเครือข่ายสำรองอีกด้วย
เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเพียงเวลาไม่ถึง 5 ปี จากที่เรามีช่องสัญญาณที่ต่อออกนอกประเทศโดยแบ่งเป็นข้อมูลขาเข้า 22.6875 Mbps และขาออก 22.6875 Mbps เมื่อเดือนตุลาคม ปี 1997 มาถึงปัจจุบันเรามีช่องสัญญาณขาเข้าขนาด 691.256 Mbps และขาออกขนาด 576.256 Mbps และช่องทางสื่อสารที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต่อเชื่อมไปยังการสื่อสารแห่งประเทศไทยร่วมกับ NECTEC มีขนาดถึง 1173.255 Mbps ซึ่งเป็นการเติบโตที่รวดเร็วมาก และการเติบโตนี้ก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะหยุดลงหรือเพียงพอแก่การใช้งานในปัจจุบันแต่ประการใด
ที่มา
http://technology.mweb.co.th/articles/11091.html
|
|