ประวัติการค้นพบดวงจันทร์ต่างๆ ของสุริยจักรวาล
สุทัศน์ ยกส้าน

ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า ในคืนวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2153 (รัชสมัยของพระเอกาทศรถ) Galilei Galileo แห่งมหาวิทยาลัย Padua ในประเทศอิตาลี ได้เห็นจุดสว่างขนาดเล็ก 3 จุดปรากฎอยู่ ใกล้ๆ ผิวดาวพฤหัสบดี โดยมี 2 จุดอยู่ทางทิศตะวันออก และอีกจุดหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก Galileo คิดว่า มันเป็นดาวฤกษ์ แต่ในคืนต่อมา เขาก็เห็นว่าจุดสว่างทั้งสามจุดนั้น ได้มาเรียงตัวกันอยู่ทางทิศตะวันตกหมด และอีกสองคืนต่อมา เขากลับเห็นจุดสว่างเพียง 2 จุดเท่านั้นเอง อยู่ทางทิศตะวันออก ของดาวพฤหัสบดี Galileo จึงตระหนักได้ว่าจุดสว่างที่เขาเห็นนั้นคือ เหล่าดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหสับดี ในทำนองเดียวกัน กับการมีดวงจันทร์ที่เราคุ้นเคย เป็นบริวารของโลก การเฝ้าติดตามดูอย่างพินิจพิจารณา ในเวลาต่อมาทำให้ Galileo พบดวงจันทร์บริวาร ของดาวพฤหัสบดีเพิ่มขึ้นอีก 1 ดวง Galileo จึงได้ชื่อว่า เป็นคนแรกที่เห็นดวงจันทร์ ของดาวเคราะห์ ที่ไม่ใช่โลก และเพราะเทพเจ้าประจำดาวพฤหัสบดี ชื่อ Jupiter มีชู้รัก 4 คนชื่อ Europa, Io, Ganymede และ Callisto Galileo จึงตั้งชื่อดวงจันทร์ทั้ง 4 ตามชื่อของเทพธิดาเหล่านี้
การค้นพบดวงจันทร์บริวารในสุริยจักรวาลเพิ่มเติม ต้องใช้เวลาอีก 45 ปี จึงประสบความสำเร็จเพราะเทคโนโลยีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ สำหรับใช้สังเกตก้าวหน้าช้า แต่ในปี พ.ศ. 2198 (รัชสมัยพระสุธรรมราชา) Christiaan Huygens นักดาราศาสตร์ชาวเนเธอร์แลนด์ ก็ได้เห็นดวงจันทร์ชื่อ Titan ของดาวเสาร์ กล้องโทรทรรศน์ของ Huygens มีเลนส์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 2 นิ้ว จึงมีสมรรถภาพในการดูสูงกว่ากล้องที่ Galileo ใช้ นอกจากการเห็นดวงจันทร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของดาวเสาร์แล้ว Huygens ยังเป็นบุคคลแรกที่ได้พบว่า ดาวเสาร์มีวงแหวนล้อมรอบด้วย
ในสมัยนั้น Huygens มีนักดาราศาสตร์คู่แข่งคนสำคัญ คือ Giovanni Domenico Cassini ชาวอิตาเลียน เพราะ Cassini เป็นบุคคลที่พบดวงจันทร์ที่ชื่อ Iapetus, Rhea, Tethys และDione ของดาวเสาร์ในปี พ.ศ. 2127 (รัชสมัยพระนารายณ์มหาราช) โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีความยาวถึง 35 เมตร และด้วยกล้องโทรทรรศน์กล้องนี้ Cassini ยังได้เห็นช่องว่างระหว่างวงแหวนของดาวเสาร์ด้วย ซึ่งทุกวันนี้มีชื่อเรียกว่า Cassini Division
เทคโนโลยีการสร้างกล้องโทรทรรศน์ได้พัฒนาไปมาก เมื่อ Wiliam Herschel นักดาราสาสตร์ ชาวอังกฤษ ได้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงขึ้น โดยใช้กระจกเว้าที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 7 นิ้ว สำหรับสะท้อนแสง และด้วยกล้องโทรทรรศน์นี้ เขาก็พบดาวเคราะห์ Uranus ในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2324 (รัชสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช) และอีก 6 ปีต่อมา Herschel ก็ได้พัฒนากล้องให้มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้นไปอีก และได้พบดวงจันทร์ชื่อ Oberon กับ Titania ของดาว Uranus ถึงแม้ปี พ.ศ. 2332 จะมีปฏิวัตินองเลือดครั้งใหญ่ในประเทศฝรั่งเศส แต่ Herschel ก็ยังคงค้นหาดวงจันทร์ต่อไปตามปกติ จนพบดวงจันทร์ของดาว Uranus เพิ่มอีก 2 ดวงคือ Enceladus และ Mimas (ในรัชสมัยของพระพุทธยอดฟ้ามหาราช)
ในปี 2379 ชาวโลกได้ตื่นเต้นกับข่าวการพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ชื่อ Neptune โดย Urbain Le Verrier นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน William Lassell พ่อค้าเบียร์ชาวอังกฤษที่สนใจดาราศาสตร์มาก ก็ได้เห็นดวงจันทร์ Triton ของดาว Neptune (รัชสมัยพระนั่งเกล้า) และเขายังได้พบดวงจันทร์ชื่อ Hyperion ของดาวเสาร์และดวงจันทร์ชื่อ Ariel กับ Umbriel ของดาว Uranus ด้วย ในอีก 3 ปีต่อมา

ในสมัยนั้น ดาวอังคารนับเป็นดาวเคราะห์ที่มนุษย์รู้จักดีดวงหนึ่ง แต่ก็ไม่มีใครเห็นดวงจันทร์บริวารของมันเลย ทั้งๆ ที่ โลก ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาว Uranus ดาว Neptune ต่างก็มีบริวารกันทั้งสิ้น เมื่อวงการดาราศาสตร์ โจษจันประเด็นความไม่สมบูรณ์นี้กันอย่างกว้างขวาง Asaph Hall นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน จึงได้ตั้งปณิธานจะค้นหาดวงจันทร์ของดาวอังคาร และด้วยแรงสนับสนุนจากภรรยา เขาได้กล้องโทรทรรศน์ขนาด 26 นิ้ว ที่หอดูดาว Naval Observatory ในกรุง Washington ส่องดูดาวอังคาร ในปี พ.ศ. 2460 ซึ่งเป็นเวลาที่ดาวอังคารอยู่ใกล้โลกมากที่สุด และเขาก็ได้เห็นดวงจันทร์ชื่อ Deimos ในวันที่ 11 สิงหาคม ปี พ.ศ. 2420 (รัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) และอีก 6 วันต่อมา เขาก็ได้เห็น Phobos ซึ่งเป็นดวงจันทร์ดวงที่สองของดาวอังคาร

  ีดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์บริวาร ดวงจันทร์ชื่อ Europa ของดาวพฤหัสบด

โลกต้องคอยอีกนานถึง 282 ปี จึงจะพบว่า ดาวพฤหัสบดีมีดวงจันทร์เป็นบริวารมากกว่า 4 ดวง เพราะในปี พ.ศ. 2435 Edward Emerson Barnard นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันได้พบ Amalthea ซึ่งเป็นดวงจันทร์ดวงที่ 5 ของดาวพฤหัสบดี โดยการใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาด 36 นิ้ว ที่หอดูดาว Lick ใน California และนี่คือดวงจันทร์ดวงสุดท้ายของดาวพฤหัสบดีที่มีมนุษย์สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

เพราะเหตุว่าดวงจันทร์ตามปกติมีขนาดเล็ก และสุกสว่างน้อย การอยู่ไกลทำให้มองเห็นได้ยาก ดังนั้นเทคนิคการค้นหาดวงจันทร์จึงต้องปรับเปลี่ยนไปใช้ฟิล์มถ่ายรูปแทน ทั้งนี้ เพราะฟิล์มถ่ายภาพสามารถสะสมแสงจากดวงจันทร์ได้มาก จนเพียงพอสำหรับการล้างฟิล์มเป็นภาพได้ และนี่คือเทคนิคที่ William Pickering นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันใช้ ในการพบดวงจันทร์ชื่อ Phoebe ของดาวเสาร์ในปี พ.ศ. 2441 (รัชสมัยพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) และหลังจากที่ Pickering พบ Phoebe แล้ว นักดาราศาสตร์ก็ได้หันมาใช้เทคนิคถ่ายภาพในการค้นหาดวงจันทร์มากขึ้น

ในปี พ.ศ. 2447 Charies Dillon Perrine นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน พบดวงจันทร์ชื่อ Himalia และ Elara ของดาวพฤหัสบดี และอีก 3 ปีต่อมา P.J. Melotte ชาวอังกฤษก็ได้เห็นดวงจันทร์ชื่อ Pasiphae ของดาวพฤหัสบดีเพิ่มเติม

ความสำเร็จของ Perrine ได้ชักนำให้ Seth Nicholson นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน หันมาสนใจค้นหาดวงจันทร์ในระบบสุริยจักรวาลอย่างจริงจัง จนทำให้เขาได้พบดวงจันทร์ชื่อ Sinope, Lysithea, Carme และ Ananke ในระหว่างปี พ.ศ. 2457-2458 และในอีก 33 ปีต่อมา เขาก็ได้พบว่าดวงจันทร์ Titan ของดาวเสาร์มีบรรยากาศที่หนาแน่นยิ่งกว่าโลก และในเวลาไล่เลี่ยกัน Gerard kuiper นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน ก็ได้เห็นดวงจันทร์ชื่อ Miranda ของดาวเคราะห์ Uranus และเห็นดวงจันทร์ชื่อ Nereid ของดาว Neptune ด้วย

ถึงแม้ในช่วงเวลา 100 ปีที่ผ่านมานี้ จะมีการพบดวงจันทร์ใหญ่น้อยอีกมากมาย แต่วงการดาราศาสตร์ก็ถือว่า การพบดวงจันทร์ชื่อ Charon ของดาว Pluto เป็นการพบครั้งยิ่งใหญ่ เพราะในปี พ.ศ. 2521 James Christy นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน แห่งหอดูดาว Naval Observatory ได้เห็นดวงจันทร์ของ Pluto ซึ่งก็ได้ทำให้ทุกคนงุนงง เพราะไม่คิดว่าดาว Pluto ซึ่งมีขนาดเล็กจะมีแรงโน้มถ่วงดึงดูดให้ Charon โคจรรอบมันได้

ศักราชใหม่แห่งการค้นหาดวงจันทร์ของสุริยจักวาล ได้เริ่มอีกครั้งในปี พ.ศ. 2522 เมื่อยานอวกาศ Voyager I เห็นดวงจันทร์ Thebe ของดาวพฤหัสบดี และเห็นดวงจันทร์ชื่อ Pandora, Promotheus กับ Atlas ของดาวเสาร์ และในปี 2523 ยาน Voyager II ที่ NASA ส่งตามยาน Voyager I ก็ได้รายงานพบดวงจันทร์ชื่อ Metis และ Adrastea ของดาวพฤหัสบดี และดวงจันทร์ชื่อ Pan ของดาวเสาร์กับดวงจันทร์ของดาว Uranus อีก 10 ดวงชื่อ Puck, Portia, Juliet, Cressida, Rosalind, Belinda, Desdemona, Cordelia, Oppelia และ Biance นอกจากนี้ Voyager ll ยังได้เห็นดวงจันทร์บริวารของดาว Neptune เพิ่มอีก 6 ดวง

ณ วันนี้ สถิติจำนวนดวงจันทร์ที่ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในสุริยจักรวาลมีเป็นดังนี้ ดาวพุธไม่มีดวงจันทร์ ดาวศุกร์ก็ไม่มีดวงจันทร์ โลกมีดวงจันทร์ 1 ดวง ดาวอังคารมีดวงจันทร์ 2 ดวง ดวงพฤหัสบดี มีดวงจันทร์ 61 ดวง ดาวเสาร์มีดวงจันทร์ 31 ดวง ดาว Uranus มีดวงจันทร์ 22 ดวง ดาว Neptune มีดวงจันทร์ 11 ดวง และดาว Pluto มีดวงจันทร์ 1 ดวง รวมเป็นดวงจันทร์ 129 ดวง

การพบดวงจันทร์ได้เพิ่มสถิติความสำเร็จมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปี พ.ศ. 2542-2546 นี้ เพราะนักดาราศาสตร์ใช้เทคนิค digital light detector และ computer ทำให้พบดวงจันทร์เพิ่ม 65 ดวง จาก 64 ดวงที่เคยพบมาก่อนปี 2542 และนักดาราศาสตร์ก็รู้ดีว่า ในอนาคต เขาจะพบดวงจันทร์จำนวนมากกว่านี้อีกมาก